การไม่รู้ลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฎ และไม่รู้เหตุและผลของสภาพธรรมนั้นๆ ตามความเป็นจริง ทำให้เข้าใจผิดยึดมั่น เห็นผิด และพอใจแสวงหาหนทางปฏิบัติที่ผิดด้วยความไม่รู้ แม้ในขณะที่เห็นสีต่างๆ สิ่งต่างๆ ในสังยุตตนิกาย มหาวารวรรค มัคคสังยุตต์ พราหมณสูตร ข้อ ๑๒ มีข้อความโดยย่อว่า สาวัตถีนิทาน (คือ เรื่องนี้เกิดที่พระนครสาวัตถี)
ครั้งนั้นเวลาเช้า ท่านพระอานนท์นุ่งแล้ว ถือบาตรและจีวร เข้าไปบิณฑบาตรยังกรุงสาวัตถี ได้เห็นชาณุสโสณีพราหมณ์ออกจากกรุงสาวัตถีด้วยรถเทียมด้วยม้าขาวล้วน ได้ยินว่า ม้าที่เทียมเป็นม้าขาว เครื่องประดับขาว ตัวรถขาว ประทุนรถขาว เชือกขาว ด้ามประตักขาว ร่มขาว ผ้าโพกขาว ผ้านุ่งขาวรองเท้าขาว พัดวาลวิชนีที่ ด้ามพัดก็ขาว ชนเห็นท่านผู้นี้แล้ว พูดอย่างนี้ว่าท่านผู้เจริญทั้งหลาย ยานประเสริฐหนอ รูปของยานประเสริฐหนอ (เพียงเห็นสีขาว ก็เข้าใจผิดได้ เมื่อไม่รู้สภาพธรรม ไม่รู้หนทางที่จะประจักษ์แจ้งในสภาพที่ไม่ใช่ตัวตนก็แสวงหาหนทางอื่น แล้วก็เข้าใจผิดว่า ยานที่มีสีขาวเป็นยานที่ประเสริฐ)
ครั้งนั้น ท่านพระอานนท์เทื่ยวบิณฑบาตในกรุงสาวัตถีแล้ว เวลาปัจฉาภัตร กลับจากบิณฑบาต เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กราบทูลเล่าเรื่องที่เห็นชาณุโสณีพราหมณ์ให้พระผู้มีพระภาคฟัง พระผู้มีพระภาคทรงแสดงอริยมรรคมีองค์ ๘ ว่าเป็นสภาพธรรมที่ดับกิเลส ไม่ใช่รถขาว และทุกอย่างขาวแล้วได้ตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า
อริยมัคคญาณนั้นมีธรรม คือ ศรัทธากับปัญญาเป็นแอก มีศรัทธาเป็นทูบ มีหิริเป็นงอน มีใจเป็นเชือกชัก มีสติเป็นสารถีผู้ควบคุม รถนี้มีศีลเป็นเครื่องประดับ มีฌานเป็นเพลา มีความเพียรเป็นล้อ มีอุเบกขาเป็นสมาธิเป็นทูบ มีความไม่อยากได้เป็นประทุน กุลบุตรใดมีความไม่พยาบาท ความไม่เบียดเบียนและวิเวกเป็นอาวุธ มีความอดทนเป็นเกราะหนัง กุลบุตรนั้นย่อมเป็นไปเพื่อความเกษมจากโยคะ พรหมยานอันยอดเยี่ยมนี้เกิดแล้วในตนของบุคคลเหล่าใด บุคคลเหล่านั้นเป็นนักปราชญ์ ย่อมออกไปจากโลกโดยความแน่ใจว่ามีชัยชนะโดยแท้
(แสดงให้เห็นว่า รถสีขาวและเครื่องประดับขาวหมดไม่ใช่อริยยาน)
ดาวน์โหลดหนังสือ --> ปรมัตถธรรมสังเขป
สาธุ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ