ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
" บูชาคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า "
ถอดจากคำสนทนาของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
สนทนาธรรม ไทย - ฮินดี
วันเสาร์ที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๕
~ พวกเราปีติยินดีมากที่จะได้เดินทางไปเมืองลัคเนาว์ อินเดีย สถานที่ตั้งมูลนิธิพระธรรม [Dhamma Foundatiom India] เป็นการร่วมยินดีในการที่ประเทศอินเดียได้มีคำสอนของพระพุทธศาสนาซึ่งจะทำการเผยแพร่ให้คนได้รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและคำสอนของพระองค์ยั่งยืนต่อไป
~ คนที่มีความเข้าใจพระธรรม จะบูชาคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสูงสุด ด้วยการฟังพระธรรม ด้วยการเคารพในความลึกซึ้งของธรรม ไม่ใช่รีบร้อนที่จะให้คนเข้าใจธรรมมากๆ แต่ว่าไม่ได้เข้าใจจริงๆ ในความลึกซึ้งในพระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น ถ้าไม่เข้าใจธรรมจริงๆ ไม่สามารถดำรงคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ ทุกอย่างที่ทำไป ก็ไร้ประโยชน์
~ ก่อนอื่น ต้องเข้าใจความลึกซึ้งและปลูกฝังความมั่นคงในการที่จะรู้ความจริงตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้
~ ต้องฟังทุกคำด้วยความเคารพที่จะค่อยๆ เข้าใจละเอียดขึ้น มิฉะนั้น ถ้าเข้าใจผิดนิดเดียว ก็จะเป็นการทำลายคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
~ เมื่อเข้าใจความละเอียดลึกซึ้งของธรรม ก็บูชาพระคุณที่พระองค์ได้ทรงพระมหากรุณาให้ทุกคนได้เริ่มเข้าใจและมีความมั่นคง ว่า ธรรม ไม่ง่าย ธรรม ลึกซึ้ง ยากที่จะเข้าใจได้ แต่สามารถค่อยๆ ปลูกฝังความเข้าใจถูกจนกระทั่งเป็นบารมีที่จะทำให้รู้ความจริงของสภาพธรรมในขณะนี้ได้ เพราะฉะนั้น ก่อนอื่น ต้องปลูกฝังความเข้าใจที่ละเอียด ความลึกซึ้งของธรรมให้มั่นคง เพื่อจะค่อยๆ เข้าใจ อบรมการที่จะมีความเห็นที่ถูกต้องในสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ นี่เป็นสิ่งเดียวที่จะบูชาพระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยการที่ให้คนอื่นได้เข้าใจถูกต้อง ไม่เข้าใจผิดในคำของพะองค์
~ สิ่งที่มีจริง ก่อนได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ได้ปรากฏให้รู้ตามความเป็นจริงเลย นี่เป็นความลึกซึ้งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และทรงแสดงให้รู้ความจริงของสิ่งที่กำลังมี ซึ่งถ้าไม่ฟังคำของพระองค์ ไม่สามารถที่จะละความไม่รู้ได้
~ มีชีวิตอยู่ตั้งแต่เกิด มีสิ่งที่มีจริง แต่ไม่รู้ความจริงของสิ่งนั้นๆ เลย ไม่รู้ความจริงของสิ่งที่มีเดี๋ยวนี้ทุกขณะ จนกว่าจะได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและเริ่มเข้าใจ เริ่มรู้ความจริงของสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ทุกขณะ ถ้าไม่เข้าใจความจริงของสิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้ ชื่อว่า ไม่รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น การเคารพบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างสูงสุด คือ เข้าใจคำของพระองค์และทำทุกอย่างที่จะให้คำของพระองค์ดำรงต่อไป เพราะฉะนั้น เข้าใจคำของพระองค์ที่กล่าวถึงสิ่งที่มีจริงและเมื่อเริ่มเข้าใจ ก็จะรู้ว่าพระองค์ได้ตรัสไว้แล้วเมื่อ ๒๕๐๐ กว่าปีที่ทำให้คนได้สามารถรู้ความจริงได้ ในสมัยที่พระองค์ยังไม่เสด็จดับขันธปรินิพพาน พระองค์เสด็จไปที่ลัคเนาว์ และที่อื่นๆ ด้วย เพื่อแสดงพระธรรมให้คนได้สามารถรู้ความจริงได้ เพราะฉะนั้น การบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสูงสุด คือ ศึกษาคำของพระองค์ที่จะเข้าใจความจริงที่คำนั้นกล่าวถึงอย่างละเอียดด้วยความเคารพที่เมื่อเข้าใจแล้วก็กระทำหน้าที่รักษาคำสอน และการรักษาได้ ก็คือ ให้คนอื่นได้เข้าใจด้วย มิฉะนั้น พระธรรมก็อันตรธาน เพราะฉะนั้น ทุกคำที่ได้ฟัง ต้องไตร่ตรองให้เป็นความเข้าใจที่ถูกต้อง เพื่อจะมั่นคงว่าพระธรรมลึกซึ้งและก็สามารถที่จะรู้ได้เมื่อมีความเข้าใจเพิ่มขึ้นๆ ตามลำดับ
~ ผู้ที่ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จำได้ แต่ไม่ได้เข้าใจว่าขณะนี้เป็นสิ่งที่พระองค์ได้ทรงแสดงทั้งหมด ผู้นั้นไม่สามารถที่จะดำรงรักษาคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไว้ได้ และถ้าไม่เข้าใจ กล่าวสิ่งที่ไม่จริง ไม่ใช่คำสอนของพระองค์ ก็เป็นการทำลายคำสอนของพระองค์ เพราะฉะนั้น เราจะศึกษา ฟังคำสอนของพระองค์ ด้วยเคารพอย่างยิ่งคือพิจารณาอย่างละเอียด จนกระทั่งเข้าใจ
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงรู้อัธยาศัยของสัตว์โลก รู้ว่าสัตว์โลกที่ไม่สนใจที่จะเข้าใจความจริง ก็มี และ มีสัตว์โลกที่ได้ปลูกฝังการคิดหรือเข้าใจถูกต้องว่าอยู่ในโลกด้วยความไม่รู้ และเมื่อสามารถจะรู้ได้ ก็ควรที่จะสนใจที่จะรู้ ถ้าเป็นคนที่ไม่สนใจ ไม่มีฉันทะที่จะรู้ความจริงของสิ่งที่ปรากฏ จะไม่สนใจเลย เพราะฉะนั้น เขาไม่สามารถที่จะมีพืชเชื้อของการที่จะรู้ความจริงได้
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงอนุเคราะห์ให้คนที่สะสมอัธยาศัยต่างๆ ค่อยๆ ที่จะเข้าใจว่าอะไรถูกอะไรผิด อะไรเป็นความจริง ด้วยเหตุนี้ คำสอนทุกเรื่อง มีอยู่ในพระไตรปิฎก
~ ต้องเข้าใจจริงๆ ว่า อกุศลความไม่ดีทั้งหลายไม่สามารถจะทำให้รู้ความจริงได้เพราะเป็นอกุศล
~ เมื่อมีความเข้าใจถูกที่จะรู้ว่าสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ ความจริงเป็นอย่างไร สามารถที่จะรู้ได้ด้วยความดีซึ่งต้องมีปัญญา ที่จะรู้ความจริง จึงสามารถที่จะเริ่มขัดเกลากิเลสให้น้อยลงและทำความดีมากขึ้นเพื่อที่จะละอกุศลให้น้อยลงและสามารถที่จะเข้าใจสภาพธรรมขึ้น นี่เป็นบารมี
~ การเริ่มเห็นประโยชน์ของการได้เข้าใจความจริงในสังสารวัฏฏ์จะทำให้มีความอดทนและรู้ว่าธรรมลึกซึ้ง เพราะฉะนั้น ปัญญาที่รู้ความลึกซึ้งของธรรมจะทำให้มีบารมีที่จะอดทนและทำความดีเพิ่มขึ้นจนสามารถที่จะเข้าใจความจริงในขณะนี้ได้
~ ไม่มีใครสามารถที่จะบอกให้ใครทำอะไรได้เลย เพราะว่าเป็นไปตามการสะสม นี่เป็นสิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้สั่งให้ใครทำอะไรหรือไม่ทำอะไร แต่ให้เข้าใจความจริง
~ ตั้งแต่เกิดมา มีอกุศลเท่าไหร่? ไม่ใช่แต่เฉพาะชาตินี้ชาติเดียว แต่ว่ากี่แสนอสงไขยกัปป์มาแล้วที่สะสมอกุศลมา ถ้าไม่รู้แจ้ง ประจักษ์แจ้งความจริงของสภาพธรรม ไม่มีอะไรที่จะดับกิเลสได้เลย
~ องคุลิมาล ไม่ได้ฆ่าปลวก แต่ฆ่าคน แต่การสะสมความเห็นถูกสามารถถึงเวลาที่จะรู้ความจริง ใครก็ห้ามไม่ได้
~ คนที่ไม่ฆ่าปลวกวันนี้ ต่อไปอาจจะฆ่าคนก็ได้ ตราบใดที่กิเลสยังไม่ดับ ยังมีปัจจัยที่จะให้กิเลสเกิด ใครจะรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในชีวิต
~ สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นไปในสังสารวัฏฏ์ตลอดเวลา ต้องมีเหตุปัจจัยที่จะทำให้เกิดขึ้น ใครก็ไปทำให้เกิดไม่ได้
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงให้เข้าใจถูกต้องว่า อกุศลคืออย่างไร เหตุให้เกิดอกุศลคืออย่างไร และทรงแสดงเหตุที่จะทำให้ดับอกุศลไม่เกิดอีกเลย
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงเหตุให้เกิดสิ่งที่ดีและสิ่งที่ไม่ดีจนสามารถที่จะเข้าใจถูกต้องและดับสิ่งที่ไม่ดีทั้งหมดไม่เกิดอีกเลย แม้แต่สิ่งที่สะสมมาแล้วในสังสารวัฏฏ์มากมายที่ไม่ดี ก็สามารถหมดสิ้นได้ มิฉะนั้น ก็จะไม่มีพระอรหันต์ ไม่มีพระอนาคามีบุคคล ไม่มีพระสกทาคามีบุคคล ไม่มีพระโสดาบันบุคคล มีแต่ปุถุชน
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอนุเคราะห์คนที่มีกิเลสและทำสิ่งที่ชั่วร้ายต่างๆ ให้ละคลายอกุศล เพราะมีความเข้าใจสิ่งที่มีตามความเป็นจริงเท่านั้น ที่จะทำให้พฤติกรรมทั้งหมดที่ไม่ดีค่อยๆ ลดน้อยลง จนกระทั่งสามารถจะไม่เกิดอีกเลยได้
~ การตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นเหตุที่จะให้ไม่มีการกระทำใดๆ ที่ไม่ดีเกิดขึ้นได้อีกเลยในสังสารวัฏฏ์
~ ขณะฟัง ต้องไตร่ตรอง ต้องคิด ในเหตุในผลหรือเปล่า? ถ้าไม่มีวิริยะความเพียรที่จะฟังที่จะไตร่ตรอง จะรู้ความจริงนี้ได้ไหม?
~ การเปลี่ยนจากการที่ไม่เคยรู้ความจริงและทำแต่อกุศล ก็ต้องอาศัยความเพียรที่จะเข้าใจจริงๆ ว่าอะไรถูกอะไรผิด นี้คือ วิริยบารมี
~ ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น มีขันติที่จะรู้ความจริง ที่จะรู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำไหม?
~ ขณะที่กำลังฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยความเคารพและตรงต่อความจริง ขณะนั้น ก็เป็นปัญญาบารมี ซึ่งขณะนั้นก็ต้องมีวิริยบารมี สัจจบารมี ขันติบารมี เนกขัมมบารมีด้วย
~ อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นเป็นปกติในชีวิตประจำวัน เราจะรู้ไม่ได้เลยว่าเป็นเพราะการที่เคยได้ยินได้ฟังเคยสะสมมาจึงสามารถที่จะเกิดคิดอย่างนั้นได้ เพราะฉะนั้น เราไม่สามารถที่จะรู้ได้ ว่า ในอดีตแสนโกฏิกัปป์ ชีวิตแต่ละชาติเป็นมาอย่างไร ได้กระทำอะไรไว้ แต่ว่าขณะใดก็ตามที่มีโอกาสที่จะได้ฟังพระธรรม เป็นผู้ตรง คือ ปัญญาสามารถที่จะรู้ได้ว่า เข้าใจแค่ไหน เข้าใจความลึกซึ้งของธรรมหรือเปล่า? หรือเป็นแต่เพียงคำเป็นแต่เพียงชื่อ เพราะฉะนั้น ไม่ต้องหวัง ไม่ต้องรอ ไม่ต้องคอยอะไรเลย เพราะเมื่อถึงเวลาใครก็หยุดยั้งปัจจัยที่ทำให้เกิดการรู้ความจริงในขณะนั้นได้
~ ความเข้าใจถูกต้องในความจริงของสิ่งที่กำลังมี จะเป็นปัจจัยให้ระลึกถึงความจริงบ่อยๆ จนกว่าสามารถที่จะรู้ความจริงในขั้นที่รู้ตรงลักษณะของสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่กำลังปรากฏในขณะนี้ซึ่งต้องเกิดจากความเข้าใจขั้นการฟัง
~ ถ้าเข้าใจความจริงที่ละเอียดอย่างยิ่งของธรรม จะมีสำนักปฏิบัติไหม?
~ มั่นคงว่าปัญญาสามารถรู้ความจริงโดยความเป็นอนัตตาของสิ่งที่กำลังมี ถ้าไม่มีปัจจัยที่จะรู้ที่เข้าใจ ก็เกิดรู้เกิดเข้าใจไม่ได้
~ ก็ขอยินดีกับความเข้าใจธรรมที่ถูกต้องซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อไปทั้งกับตนเองและผู้อื่นในชาตินี้ด้วย
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ยินดีในความดีของคุณสุคิน ผู้แปลการสนทนา
จากภาษาไทยเป็นภาษาฮินดี
และยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...
กราบอนุโมทนาค่ะ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ และกราบยินดีในความดีของคุณสุคิน และท่านท่านค่ะ
ขอน้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ
กราบอนุโมทนาครับ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ที่เคารพยิ่ง กราบขอบพระคุณและอนุโมทนาผู้ที่เกี่ยวข้องทุกๆ ท่านค่ะ
การตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นเหตุที่จะให้ไม่มีการกระทำใดๆ ที่ไม่ดีเกิดขึ้นได้อีกเลยในสังสารวัฏฏ์
ข้าพเจ้าขอนอบน้อมต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นด้วยเศียรเกล้า
กราบบูชาพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความขอบพระคุณเคารพยิ่ง
กราบขอบพระคุณยินดีในกุศล อ.คำปั่น อักษรวิลัย ด้วยความเคารพค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ