[เล่มที่ 72] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 592
เถรีอปทาน
เอกกุโปสถวรรคที่ ๒
ปฏาจาราเถรีอปทานที่ ๑๐ (๒๐)
บุพจริยาของพระปฏาจาราเถรี
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 72]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 592
ปฏาจาราเถรีอปทานที่ ๑๐ (๒๐)
บุพจริยาของพระปฏาจาราเถรี
[๑๖๐] ในกัปที่หนึ่งแสนแต่ภัทรกัปนี้ พระพิชิตมารผู้นายกของโลกพระนามว่าปทุมุตตระ ทรงรู้จบธรรมทั้งปวง เสด็จอุบัติขึ้นแล้ว
ครั้งนั้น ดิฉันเกิดในตระกูลเศรษฐี อัน มีความรุ่งเรืองถ้วยรัตนะต่างๆ ในเมืองหังสวดี เป็นผู้เพียบพร้อมด้วยความสุขเป็นอันมาก
ดิฉันเข้าไปเฝ้าพระมหาวีรเจ้าพระองค์ นั้นแล้ว ได้ฟังพระธรรมเทศนา มีความเลื่อมใส อันเกิดในพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น ได้ถึงพระองค์ เป็นสรณะ.
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสรรเสริญ ภิกษุณีองค์หนึ่ง ผู้มีความละอาย คงที่คล่องแคล่ว ในกิจที่ควรและกิจที่ไม่ควร ว่าเป็นผู้เลิศกว่า ภิกษุณีทั้งหลาย ฝ่ายทรงวินัย
ดิฉันมีจิตยินดีปรารถนาตำแหน่งนั้น จึง นิมนต์พระทศพลผู้เป็นนายกพร้อมด้วยพระสงฆ์ ให้เสวยและฉันตลอดสัปดาห์หนึ่ง ถวายบาตร และจีวรแล้ว ซบศีรษะลงแทบพระบาท แล้ว ได้กราบทูลว่า
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 593
ข้าแต่พระธีรมุนีผู้นายกของโลก ภิกษุณี องค์ใด พระองค์ทรงสรรเสริญในตำแหน่งอัน ประเสริฐกว่าภิกษุสงฆ์นี้ ถ้าตำแหน่งนั้นจะ สำเร็จแก่หม่อมฉัน หม่อมฉันจักเป็นเช่นภิกษุณี องค์นั้น
ครั้งนั้น พระศาสดาได้ตรัสกะดิฉันว่า นางผู้เจริญ อย่ากลัวเลยจงเบาใจเถิด ท่านจัก ได้ตำแหน่งนั้นตามใจปรารถนา ในอนาคตกาล
ในกัปที่หนึ่งแสนแต่กัปนี้ พระศาสดา พระนามว่าโคดม มีสมภพในวงศ์พระเจ้าโอกกากราช จักเสด็จอุบัติขึ้นในโลก
ท่านผู้เจริญนี้ จักได้เป็นภิกษุณี ธรรม ทายาท พระศาสดาพระองค์นั้น เป็นโอรสอัน ธรรมนิรมิต เป็นสาวิกาของพระศาสดา มีนาม ว่าปฏาจารา ครั้งนั้น ดิฉันยินดีมีจิตประกอบด้วย เมตตา บำรุงพระพุทธเจ้าผู้เป็นนายกของโลกกับ พระสงฆ์จนตลอดชีวิต ด้วยกุศลธรรมที่ได้ทำไว้ แล้วนั้น และด้วยการตั้งเจตน์จำนงไว้ ดิฉันละ ร่างกายมนุษย์แล้ว ได้ไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ในภัทรกัปนี้ พระพุทธเจ้าพระนามว่า กัสสปะ ผู้เป็นพงศ์พันธ์แห่งพรหม มีบริวารยศ มาก ประเสริฐกว่าพวกบัณฑิต เสด็จอุบัติขึ้นแล้ว
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 594
ครั้งนั้น พระเจ้ากาสีพระนามว่ากิกี ผู้ เป็นใหญ่กว่านรชน ในพระนครพาราณสีอันอุดม ทรงเป็นอุปัฏฐากของพระศาสดาผู้แสวงหาคุณอัน ยิ่งใหญ่ ดิฉันเป็นธิดาองค์ที่สามของท้าวเธอ มีนามปรากฏว่าภิกษุณี ได้ฟังธรรมของพระพิชิตมารผู้เลิศแล้ว พอใจบรรพชา ...
ด้วยกุศลกรรมที่ได้ทำไว้แล้วนั้น และ ด้วยการตั้งเจตน์จำนงไว้ ดิฉันละร่างกายมนุษย์ แล้ว ได้ไปสู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ในภพหลัง บัดนี้ ดิฉันเกิดในสกุล เศรษฐีที่มั่งคั่งเจริญ มีทรัพย์มากในพระนคร สาวัตถี
เมื่อใด ดิฉันเจริญวัยเป็นสาวตกอยู่ใน อำนาจวิตก พบบุรุษชาวชนบทผู้หนึ่งแล้วได้ไป กับเขา ดิฉันคลอดบุตรคนหนึ่ง มีท้องบุตรคน ที่สอง เมื่อนั้นดิฉันปรารถนาว่า จะไปเยี่ยม มารดาบิดา
ครั้นนั้น ดิฉันได้บอกสามี เมื่อสามี ของดิฉันเข้าไปป่า ดิฉันคนเดียวออกจากเรือน จะไปยังพระนครสาวัตถีอันอุดม
ภายหลังสามีของดิฉันมาตามทันที่หน ทาง เวลานั้น ลมกรรมัชวาตอันทำให้เจ็บปวด
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 595
เหลือทนเกิดแก่ดิฉัน ทั้งมหาเมฆก็เกิดขึ้นใน เวลาที่ดิฉันจะคลอด สามีไปหาที่กำบัง ก็ถูกงูกัด ตาย
เวลานั้นดิฉันมีทุกข์เพราะการคลอด หมด ที่พึ่งเป็นคนกำพร้า เดินไปเห็นแม่น้ำน้อยแห่ง หนึ่งซึ่งมีน้ำเต็มเป็นที่อยู่แห่งสัตว์
อุ้มบุตรน้อยข้ามไปที่ฝั่งข้างโน้นคนเดียว ให้บุตรน้อยดื่มนมแล้ว ประสงค์จะให้บุตรคน ใหญ่ข้าม จึงกลับมา
เหยี่ยวตัวหนึ่ง เฉี่ยวบุตรน้อยที่ร้องจ้าไป เสียแล้ว บุตรคนใหญ่ก็ถูกกระแสน้ำพัดไป ดิฉัน มากไปด้วยความโศก
เดินไปยังพระนครสาวัตถี ได้ยินข่าวว่า มารดาบิดาและพี่ชายของตนตายเสียแล้ว เวลา นั้น ดิฉันแน่นไปด้วยความโศก เปี่ยมไปด้วย ความโศกมาก
ได้กล่าวว่าบุตรสองคนตายเสียแล้ว เวลา ของเราก็ตายเสียในป่า มารดาบิดาและพี่ชายของ เรา ก็ถูกเผาที่เชิงตะกอนเดียวกัน
ครั้งนั้น ดิฉันทั้งซูบผอม ทั้งผิวเหลือง ไม่มีที่พึ่ง ตรอมใจทุกวัน เมื่อเดินไปข้างนี้ข้าง นั้นได้เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้เป็นสารถีฝึก นรชน
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 596
ขณะนั้น พระศาสดาได้ตรัสกะดิฉันว่า ท่านอย่าโศกเศร้าถึงบุตรเลย จงเบาใจเถิด จง แสวงหาตนของท่านเถิด เดือดร้อนไปไม่มีประโยชน์อะไรเลย
บุตรธิดา ญาติและพวกพ้องไม่ป้องกัน คนผู้ถึงที่ตายเลย ความป้องกันไม่มีในญาติ ทั้งหลาย
ดิฉันได้ฟังพระพุทธพจน์นั้นแล้ว ได้ บรรลุถึงปฐมผล บวชแล้วไม่นานก็ได้บรรลุ อรหัตตผล
เป็นผู้มีความชำนาญในฤทธิ์และทิพโสต ธาตุ รู้ปรจิตตวิชา เป็นผู้ปฏิบัติตามคำสอนของ พระพุทธเจ้า
รู้ปุพเพนิวานญาณ ชำระทิพยจักษุให้ บริสุทธิ์ ทำอาสวะทั้งปวงให้สิ้นไปแล้ว เป็นผู้ บริสุทธิ์หมดมลทินด้วยดี
ในกาลนั้น ดิฉันศึกษาพระวินัยทั้งปวง ในสำนักพระบรมศาสดา ผู้ทรงเห็นธรรมทั้งปวง และกล่าวพระวินัยทั้งมวลกว้างขวางได้ตามจริง
พระพิชิตมารทรงพอพระทัยในคุณสมบัติ นั้น จึงทรงตั้งดิฉันไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะว่า ปฏาจาราภิกษุณีผู้เดียวเลิศกว่าพวกภิกษุฝ่ายที่ ทรงพระวินัย
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 597
ดิฉันเผากิเลสทั้งหลายแล้ว... คำสอนของพระพุทธเจ้าดิฉันได้ทำเสร็จแล้ว.
ทราบว่า ท่านพระปฏาจาราภิกษุณีได้กล่าวคาถาเหล่านั้น ด้วยประการฉะนี้แล.
จบปฏาจาราเถรีอปทาน
รวมอปทานที่มีในวรรคนี้ คือ
๑ เอกุโปสถิกาเถรีอปทาน
๒. สลฬปุปผิกาเถรีอปทาน
๓. โมทกทายิกาเถรีอปทาน
๔. เอกาสนทายิกาเถรีอปทาน
๕. ปัญจทีปทายิกาเถรีอปทาน
๖. นฬมาลิกาเถรีอปทาน
๗. มหาปชาบดีโคตมีเถรีอปทาน
๘. เขมาเถรีอปทาน
๙. อุบลวรรณาเถรีอปทาน
๑๐. ปฏาจาราเถรีอปทาน
ในวรรคนี้บัณฑิตคำนวณคาถาไว้ ๕๐๙ คาถา
จบเอกุโปสถวรรคที่ ๒