พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๖ - หน้าที่ 55 ข้อความตอนหนึ่งจาก...
อรรถกถา ปานียชาดก
...ยังมีบิดากับบุตรคู่หนึ่งเป็นชาวกาสิกคาม เดินทางไปร่วมกัน. พวกโจรป่า พากันซุ่มอยู่ที่ปากดง (ถ้า) พวกโจรเหล่านั้นจับบิดากับบุตรได้ ยึดบุตรไว้ ปล่อย- บิดาไป ด้วยสั่งว่า เจ้าจงไปนำทรัพย์มาไถ่บุตรของท่านเถิด, จับพี่น้อง ๒ คนได้ ก็ ยึดน้องชายเอาไว้ ปล่อยพี่ชายไป,จับอาจารย์กับอันเตวาสิกได้ ยึดเอาอาจารย์ไว้ ปล่อยอันเตวาสิกไป. อันเตวาสิกต้องไปนำทรัพย์มาไถ่ตัวอาจารย์ไป ด้วยความ โลภในศิลปะ. ลำดับนั้น บิดาและบุตรนั้น รู้ว่า พวกโจรซุ่มอยู่ที่ตรงนั้น จึงทำกติกากันไว้ ว่า "เจ้าอย่าเรียกข้าว่าพ่อนะ ถึงข้าก็จะไม่เรียกเอ็งว่าลูก" ในเวลาถูกพวกโจรจับได้ ถูกถามว่าแกเป็นอะไรกัน ต่างคนก็ต่างพูดมุสาวาท ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้ว แกล้งตอบว่า "เราไม่ได้เป็นอะไรกัน" เมื่อทั้งคู่ออกพ้นจากดง ไปยืนอาบน้ำอยู่ในเวลาเย็น บุตรชายชำระศีล ของตน เห็นมุสาวาทนั้น คิดว่า "บาปนี้เมื่อเจริญ จักโยนเราไปในอบายทั้งหลายได้ เราจักข่มกิเลสนี้ให้ได้" ดังนี้ เจริญวิปัสสนา ยังปัจเจกพุทธญาณให้เกิดขึ้นแล้ว สถิตอยู่ในอากาศแสดงธรรมแก่บิดา เหาะไปสู่เงื้อมเขานันทมูลกะ.
* หมายเหตุ * - ที่ว่า ด้วยความโลภในศิลปะ นั้น ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ได้อธิบายเพิ่มเติมในรายการแนวทางเจริญวิปัสสนา ว่า ลูกศิษย์ นำทรัพย์มาไถ่ตัว อาจารย์ไป ด้วยความกตัญญูกตเวทีต่ออาจารย์ ก็ได้ ไม่จำเป็นจะต้องด้วยความโลภ ในศิลปะเสมอไป - เรื่องของพระปัจเจกพุทธเจ้าที่ยกมานี้ เป็นหนึ่งในพระปัจเจกพุทธเจ้า ๕ พระองค์ ที่ปรากฏอยู่ในปานียชาดกนี้ครับ.
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ
สิ่งเล็กน้อยที่ปุถุชนมักจะเผลอมองข้าม แต่กลับทำให้พระปัจเจกพุทธเจ้าบรรลุธรรมได้ครับ
ขออนุโมทนาครับ