ปัญญาจะค่อยๆ เจริญขึ้นตามเหตุตามปัจจัย โดยที่ไม่มีใครไปบังคับหรือไปทำอะไรได้ คือว่าอะไรที่ยังสงสัย ข้องใจ ไม่แน่ใจ เราควรจะเข้าใจเรื่องนั้นให้ถูกต้องจริงๆ เพราะสำคัญที่สุด คือความเข้าใจถูก เวลาที่เราได้ศึกษาเรื่องของเหตุผลแล้ว เราจะได้ค่อยๆ พิจารณาจนกระทั่งเกิดความมั่นใจว่า สิ่งที่ถูกต้องคืออย่างไร และเป็น ไปตามสภาพธรรมตามความเป็นจริง เป็นไปตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงหรือไม่ โดยไม่ใช่เอาความเห็นของเราเท่านั้น หรือว่าเรายังเชื่ออะไรอยู่ก็เชื่อต่อไปโดยที่ไม่ยอมเลิก แม้ว่าสิ่งนั้นจะไม่มีเหตุผลเลยก็ยังเชื่ออยู่ มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะเหตุว่าเท่ากับว่าเราเก็บความไม่รู้ เก็บความที่ไม่มีเหตุผลเอาไว้ ถ้าเป็นอย่างนั้น จะไม่ถึงพระพุทธศาสนาแน่นอน ผู้ที่จะเข้าถึงพระธรรมหรือพระพุทธศาสนาต้องเป็นผู้ที่ตรงและก็มีเหตุผล แล้วรู้ว่าการเข้าใจถูกเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุดค่ะ แทนที่จะไปเก็บความสงสัย ความไม่รู้ หรือความเข้าใจผิดไว้
ปัญญาจะค่อยๆ เจริญขึ้นตามเหตุตามปัจจัย โดยที่ไม่มีใครไปบังคับ หรือไปทำอะไรได้
ขออนุโมทนาค่ะ
" คือว่าอะไรที่ยังสงสัย ข้องใจ ไม่แน่ใจ เราควรจะเข้าใจเรื่องนั้นให้ถูกต้องจริงๆ เพราะสำคัญที่สุด คือความเข้าใจถูก เวลาที่เราได้ศึกษาเรื่องของเหตุผลแล้ว เราจะได้ค่อยๆ พิจารณาจนกระทั่งเกิดความมั่นใจว่า สิ่งที่ถูกต้องคืออย่างไร และเป็นไปตามสภาพธรรมตามความเป็นจริง เป็นไปตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงหรือไม่ โดยไม่ใช่เอาความเห็นของเราเท่านั้น..."
ขออนุโมทนาครับ เป็นสิ่งที่เพิ่งได้พูดคุยกับลูก เมื่อเช้านี้
ขอขอบพระคุณมากครับ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลวิริยะค่ะ
สาธุ
สังขารธรรมทั้งหลายเกิดดับเพราะเหตุปัจจัยปรุงแต่ง อกุศลเกิดง่ายกว่ากุศล กุศลที่ไม่ประกอบด้วยปัญญา เช่น ทาน ศีลก็เกิดง่ายกว่ากุศลที่มีปัญญาเกิดร่วมด้วย จึงต้องหมั่นอบรมเจริญปัญญาโดยการฟังพระธรรมให้เข้าใจบ่อยๆ เนืองๆ จริงๆ แล้วปัญญาก็จะ ค่อยๆ เจริญขึ้นตามเหตุปัจจัย
ขออนุโมทนาค่ะ
ลักขณาทิจตุกกะปัญญา
1. มีการแทงตลอดสภาวธรรม
2. มีอันขจัดความมืดคือโมหะเป็นกิจ
3. มีความไม่หลง เป็นผล
4. สมาธิเป็นเหตุใกล้ของปัญญา