แต่ละท่านจะต้องพิจารณาเห็นสิ่งที่ไม่ดีของตัวเองก่อน เพราะว่ากุศลจิตน้อยมากเมื่อเทียบกับ อกุศลจิต เพราะฉะนั้น ถ้าไม่คิดแก้อกุศลโดยการเพิ่มกุศลในทุกๆ ทาง ย่อมไม่มีทางดับกิเลสได้ แต่ถ้าเริ่มเป็นผู้ที่ทำหน้าที่ฝึกตน จะทำให้เป็นผู้ที่ตรงโดยการเห็นว่า กิเลสทั้งหลายเป็นโทษ จึงพากเพียรที่จะละกิเลส
เมื่อมีการพิจารณาตนเองในทุกๆ ทาง จะทำให้เป็นผู้ที่เพิ่มกุศลจิตด้วยการ ทำดีทางกาย ทางวาจา ต่อคนที่คิดว่าไม่เป็นมิตรกัน หรือว่าไม่ถูกกัน
นี่คือ บัณฑิตที่ย่อมฝึกตน และเป็นผู้ที่มีจิตใจโอบอ้อมอารี ทำกุศลทุกอย่างทันที
เรื่องของการอบรมเจริญปัญญา มีหลายขั้น ตั้งแต่ขั้นการฟังเรื่องของ สภาพธรรมที่ปรากฏ และพิจารณาตามความเป็นจริงว่า เป็นอย่างนั้นถูกต้องหรือไม่ เช่น เห็น ไม่ใช่เรา ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน เพราะอะไร ก็เพราะว่า เป็นแต่เพียงสภาพรู้ หรือธาตุรู้ หรืออาการรู้ ซึ่งเห็นสิ่งที่กำลังปรากฏทางตา
เป็นเรื่องยาก แต่เป็นเรื่องที่อบรมเจริญได้
ที่มา อ่าน และฟังเพิ่มเติม
ลักษณะของพาลและบัณฑิต (ปัณฑิตวรรคที่ ๖)
กราบขอบพระคุณและยินดียิ่งในกุศลทุกประการค่ะ
ยินดีในกุศลจิตครับ
กราบนอบน้อมพระรัตนตรัยด้วยเศียรเกล้า
ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรมที่ทรงแสดงในความละเอียดของสภาพธรรมแต่ละ๑ ก็ประมาทมาก คิดว่า พรุ่งนี้ค่อยทำก็ได้
แต่ผู้ที่เริ่มเข้าใจความจริงจากการฟังพระธรรมได้รู้ถึงว่า ขณะจิตต่อไปก็ไม่รู้เลยว่าอะไรจะเป็นปัจจัยให้จิตนั้นเกิดขึ้น เช่นกำลังเห็นขณะนี้ กำลังได้ยินขณะนี้ จะเกิดพร้อมกันไม่ได้เลย แล้วจิตสุดท้ายในชาตินี้ มือที่มองไม่เห็น ซึ่งไม่ใช่ใครเลยที่จะจัดการบังคับบัญชาได้ เมื่อสิ้นสุดของการเกิดขึ้นของจิตนั้น หมดโอกาสที่จะเจริญกุศลและอบรมปัญญาทุกประการในชาตินี้ทันที แล้วจิตใหม่ เกิดที่ไหน ภพไหน ในที่ตั้งของจิต ที่กายใด รู้ไม่ได้เลย จึงไม่ประมาทในเวลาที่สั้นแสนสั้นแต่ละขณะจิต
กราบเท้าบูชาพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง
กราบขอบพระคุณมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา ในทุกคำจริงที่เตือนใจเสมอๆ
ยินดีในกุศลทุกท่านที่เผยแพร่ความจริงจากความเข้าใจพระธรรมค่ะ
ศึกษาเพิ่มเติมที่
มือที่มองไม่เห็น
ยินดีในกุศลจิตครับ
พระธรรมละเอียดลึกซึ้ง กราบอนุโมทนาค่ะ เมื่อฟังเพื่อขัดเกลาตนและศึกษาความจริงค่ะ สาธุค่ะ
ยินดีในกุศลจิตค่ะ