พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้าที่ 1
สีหาสนทายกเถรปทานที่ ๑ (๑๑)
ว่าด้วยผลแห่งการถวายราชอาสน์ทองคำ
[๑๓] เมื่อพระโลกนาถพระนามว่า สิทธัตถะ ผู้สูงสุดกว่าสัตว์
นิพพานแล้ว เมื่อพระศาสนา (แผ่) กว้างขวาง พระศาสนา
มีท่านผู้รู้ (พระขีณาสพ) มาก.
เรามีจิตผ่องใส ใจผ่องแผ้ว ได้ทำราชอาสน์ทองคำ
ครั้นทำราชอาสน์ทองคำแล้ว ได้ทำตั่งสำหรับรองเท้า.
ได้สร้างเรือนสำหรับเก็บราชอาสน์ทองคำนั้น ในฤดูฝน
ด้วยจิตอันเลื่อมใสนั้น เราได้บังเกิดในภพดุสิต วิมานยาว
๒๔ โยชน์ กว้าง ๑๔ โยชน์ อันบุญกรรมสร้างอย่างงดงาม มีอยู่ในภพดุสิตนั้นเพื่อเรา.
นางเทพกัญญา ๗ หมื่นแวดล้อมเราอยู่ทุกเมื่อ และ
บัลลังก์ทองที่สร้างอย่างวิจิตร มีอยู่ในวิมานของเรา.
ยานช้าง ยานม้า ยาทิพย์ ตั้งไว้คอยรับเรา ปราสาท
และย่อมบังเกิดตามความปรารถนา.
บัลลังก์แก้วมณีและบัลลังก์ไม้แก่นอย่างอื่นเป็นอันมาก
ย่อมเกิดแก่เราทุกอย่าง นี้เป็นผลแห่ง (การถวาย) ราชอาสน์
ทองคำ.
เราสวมรองเท้าทำด้วยทองคำ ทำด้วยเงิน ทำด้วยแก้ว
ผลึก ทำด้วยแก้วไพฑูรย์ นี้เป็นผลแห่งการถวายตั่งรองเท้า.
ในกัปที่ ๙๔ แต่กัปนี้ เราได้ทำกรรมใดในกาลนั้น ด้วย
ผลกรรมนั้น เราไม่รู้ทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งบุญกรรม.
ในกัปที่ ๗๓ แต่กัปนี้ เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๓ ครั้ง พระ-
นามว่าอินท์ ในกัปที่ ๗๒ แต่กัปนี้ เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๓ ครั้ง พระนามว่าสุมนะ.
ในกัปที่ ๗๐ เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๓ ครั้ง พระนามว่า
วรุณ. สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ เป็นใหญ่ในทวีปทั้ง ๔.
คุณวิเศษเหล่านี้คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และ
อภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้า
เราได้ทำเสร็จแล้ว ฉะนี้แล.
ทราบว่า ท่านพระสีหาสนทายกเถระได้กล่าวคาถาเหล่านั้น
ด้วยประการฉะนี้แล.
จบสีหาสนทายกเถราปทาน
อนุโมทนาครับ