[เล่มที่ 71] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 426
เถราปทาน
เสเรยยวรรคที่ ๑๓
สัมมุขาถวิกเถราปทานที่ ๕ (๑๒๕)
ว่าด้วยผลแห่งการชมเชยพระพุทธเจ้า
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 71]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 426
สัมมุขาถวิกเถราปทานที่ ๕ (๑๒๕)
ว่าด้วยผลแห่งการชมเชยพระพุทธเจ้า
[๑๒๗] เมื่อพระวิปัสสีโพธิสัตว์ประสูติ เราได้พยากรณ์นิมิตว่า จักยังหมู่ชนให้ดับทุกข์ จักเป็นพระพุทธเจ้าในโลก.
เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์ใดประสูติ หมื่นโลกธาตุ ย่อมหวั่นไหว บัดนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น เป็น ศาสดาผู้มีพระจักษุ ทรงแสดงธรรมอยู่.
เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์ใดประสูติ ได้มีแสงสว่าง อันไพบูลย์ บัดนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น เป็นศาสดา ผู้มีพระจักษุ ทรงแสดงธรรมอยู่.
เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์ใดประสูติ แม่น้ำทั้งหลาย ไม่ไหล บัดนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น เป็นศาสดาผู้มี พระจักษุ ทรงแสดงธรรมอยู่.
เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์ใดประสูติ ไฟในอเวจีนรก ไม่ลุกโพลง บัดนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น เป็นศาสดา ผู้มีพระจักษุ ทรงแสดงธรรมอยู่.
เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์ใดประสูติ หมู่นกไม่ สัญจรไป บัดนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น เป็นศาสดา ผู้มีพระจักษุ ทรงแสดงธรรมอยู่.
เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์ใดประสูติ ลมย่อมไม่พัด ฟุ้งไป บัดนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น เป็นศาสดา ผู้มีพระจักษุ ทรงแสดงธรรมอยู่.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 427
เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์ใดประสูติ แก้วทุกชนิด ส่องแสงโชติช่วง บัดนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น เป็น ศาสดาผู้มีพระจักษุ ทรงแสดงธรรมอยู่.
เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์ใดประสูติ ทรงย่างพระบาทก้าวไป ก้าว บัดนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น เป็น ศาสดาผู้มีพระจักษุ ทรงแสดงธรรมอยู่.
พอพระสัมพุทธเจ้าประสูติแล้วเท่านั้น ก็ทรงเหลียวแลดู ทิศทั้งปวง ทรงเปล่งอาสภิวาจา นี้เป็นธรรมดาของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย.
เรายังหมู่ชนให้เกิดสังเวช ชมเชยพระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้นำของโลก ถวายบังคมพระสัมพุทธเจ้าแล้ว บ่ายหน้ากลับ ไปทางทิศปราจีน.
ในกัปที่ ๙๑ แต่กัปนี้ เราชมเชยพระพุทธเจ้าใด ด้วยการ ชมเชยนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการชมเชย.
ในกัปที่ ๙๐ แต่กัปนี้ เราได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิมีนามว่า สัมมุขาถวิกะ สมบูรณ์ด้วยแก้ว ๗ ประการ มีพละมาก.
ในกัปที่ ๙๗ แต่กัปนี้ เราได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิมีนาม ว่าปฐวีทุนทุภิ สมบูรณ์ด้วยแก้ว ๗ ประการ มีพละมาก.
ในกัปที่ ๙๘ แต่กัปนี้ เราได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิจอมกษัตริย์มีนามว่าโอภาสะ สมบูรณ์ด้วยแก้ว ๗ ประการ มี พละมาก.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 428
ในกัปที่ ๙๘ แต่กัปนี้ เราได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิมีนามว่า สริตเฉทนะ สมบูรณ์ด้วยแก้ว ๗ ประการ มีพละมาก.
ในกัปที่ ๘๖ แต่กัปนี้ เราได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิมีนามว่า อัคคินิพพาปนะ สมบูรณ์ด้วยแก้ว ๗ ประการ มีพละมาก.
ในกัปที่ ๘๕ แต่กัปนี้ เราได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิมีนามว่า วาตสมะ สมบูรณ์ด้วยแก้ว ๗ ประการ มีพละมาก.
ในกัปที่ ๘๔ แต่กัปนี้ เราได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิราช มีนามว่าคติปัจเฉทนะ สมบูรณ์ด้วยแก้ว ๗ ประการ มี พละมาก.
ในกัปที่ ๘๓ แต่กัปนี้ เราได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิมีนามว่า รัตนปัชชละ สมบูรณ์ด้วยแก้ว ๗ ประการ มีพละมาก.
ในกัปที่ ๘๒ แต่กัปนี้ เราได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิมีนามว่า ปทวิกกมนะ สมบูรณ์ด้วยแก้ว ๗ ประการ มีพละมาก.
ในกัปที่ ๘๑ แต่กัปนี้ เราได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิราช มีนามว่าวิโลกนะ สมบูรณ์ด้วยแก้ว ๗ ประการ มีพละมาก.
ในกัปที่ ๘๐ แต่กัปนี้ เราได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิมีนามว่า คิริสาระ สมบูรณ์ด้วยแก้ว ๗ ประการ มีพละมาก.
คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และ อภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้า เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 429
ทราบว่า ท่านพระสัมมุขาถวิกเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วย ประการฉะนี้แล.
จบสัมมุขาถวิกเถราปทาน
๑๒๕. อรรถกถาสัมมุขาวิกเถราปทาน
อปทาของท่านพระสัมมุขาถวิกเถระ อันมีคำเริ่มต้นว่า ชายมาเน วิปสฺสิมฺหิ ดังนี้.
แม้พระเถระรูปนี้ ก็ได้เคยบำเพ็ญกุศลมาแล้วในพระพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ ทุกๆ ภพนั้นจะสั่งสมแต่บุญอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพาน ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่า วิปัสสี ท่านได้เกิดใน ตระกูลพราหมณ์ ขณะที่มีอายุได้เพียง ๗ ปีเท่านั้น ก็ได้ศึกษาศิลปะประจำ ตัวจนสำเร็จแล้ว ดำรงเพศอยู่ในทางฆราวาส เมื่อพระวิปัสสีโพธิสัตว์ อุบัติขึ้นแล้ว ก็ลักษณะของพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ จะมีปรากฏอยู่ ในคัมภีร์ไตรเพท เขาได้พยากรณ์ถึงลักษณะ และความเป็นพระพุทธเจ้า ของพระวิปัสสีโพธิสัตว์ ผู้เป็นประมุขของพระราชา คือเป็นหัวหน้า คนว่า จะทำใจของหมู่คนให้ดับ (คือนิพพาน). และได้ประกาศถ้อยคำ ชมเชยไว้มากมาย. ด้วยกุศลกรรมอันนั้น เขาจึงได้เสวยกามาวจรสมบัติ ๖ ชั้น และได้เสวยจักรพรรดิสมบัติในหมู่มนุษย์แล้ว ในพุทธุปบาทกาลนี้ เขาได้เกิดในเรือนอันมีสกุล บรรลุนิติภาวะแล้ว เกิดมีความ ศรัทธาจึงได้บวช ไม่นานนักก็ได้เป็นพระอรหันต์. ท่านได้ปรากฏชื่อว่า สัมมุขาถวิกเถระ ดังนี้ ตามชื่อแห่งกุศลกรรมที่ได้กระทำไว้.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 430
ท่านได้ระลึกถึงบุพกรรมของตน เกิดความโสมนัส เมื่อจะประกาศ ถึงเรื่องราวที่ตนเคยได้ประพฤติมาแล้วในกาลก่อน จึงกล่าวคำเริ่มต้นว่า ชายมาเน วิปสฺสิมฺหิ ดังนี้. ในคาถานั้นมีอธิบายว่า เมื่อพระวิปัสสี สัมมาสัมพุทธเจ้าอุบัติขึ้นแล้ว คือประสูติจากพระครรภ์มารดา เราได้กล่าว พยากรณ์ตามเครื่องหมายที่ปรากฏ คือเหตุที่จะได้เป็นพระพุทธเจ้า, ความ อัศจรรย์มากมายได้ปรากฏมีขึ้นแล้ว. คำที่เหลือบัณฑิตพอจะรู้ได้โดยง่าย ตามลำดับแห่งเนื้อความตามที่ได้กล่าวแล.
จบอรรถกถาสัมมุขาถวิกถราปทาน