พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า วัจฉะ ชนเหล่าที่กล่าวว่า พระสมณโคดม
ตรัสว่า ทานควรให้แก่เราเท่านั้น ฯลฯ ให้แก่สาวกของคนอื่นๆ ไม่มีผลมาก ดังนี้ ชนเหล่านั้นมิได้กล่าวตามคำที่เรากล่าว
อนึ่ง ชนเหล่านั้น ใส่ความเราด้วยเรื่องอันไม่มีไม่เป็นจริง วัจฉะ ผู้ใดห้ามคนอื่นที่ให้ทาน ผู้นั้นชื่อว่าทำอันตรายต่อคน ๓ คน ทำร้ายต่อคน ๓ คน ๓ คนคือใคร คือ
ทำอันตรายต่อบุญของทายก ทำอันตรายต่อลาภของปฏิคาหก
อนึ่ง ตัวของผู้นั้นชื่อว่า ถูกก่น (ขุดรากคือความดี) และถูกประหาร (ตายไปจากความดี) เสียก่อนแล้ว วัจฉะ ผู้ใดห้ามคนอื่นที่ให้ทาน ผู้นั้นชื่อว่าทำอันตรายต่อคน๓ คน ทำร้ายต่อคน ๓ คนนี้
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณและอนุโมทนาครับ
การใส่ความในสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสไว้ว่าพระองค์ได้ตรัสไว้
ชื่อว่า สั่งสมโทษด้วยปาก มีโทษมากกับตัวผู้พูด
การห้ามผู้อื่นไม่ให้เขาให้ทานที่สมควรให้ เป็นอกุศลกรรมของผู้ห้าม ไม่ควรกระทำ
พระสูตรเตือนใจดีมาก...ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาคุณหมอด้วยครับ
ขอบพระคุณและอนุโมทนาคุณ chaiyut มากครับ
เป็นข้อคิดเห็นที่ดีและมีประโยชน์มากครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณหมอด้วยครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณหมอด้วยครับ
ขอบพระคุณและอนุโมทนาคุณคำปั่นและคุณเซจาน้อยและทุกท่านครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
พระอภิธรรมปิฎก ธรรมสังคณี เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 431
บุคคลผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ตรัสว่า กทริโย (ผู้เห็นแก่ตัว) ภาวะแห่งบุคคล
ผู้เห็นแก่ตัวนั้น เรียกว่า กทริยํ (ความเหนียวแน่น) คำว่า ความเหนียวแน่น
นี้เป็นชื่อของความตระหนี่กล้าแข็ง เพราะบุคคลผู้ประกอบด้วยความตระหนี่นั้น
ย่อมห้ามแม้บุคคลอื่นผู้ให้แก่บุคคลเหล่าอื่น ข้อนี้สมด้วยพระบาลีที่ตรัสไว้
ในสังยุตตนิกายสคาถวรรคว่า *
บุคคลผู้เหนี่ยวแน่น มีความดำริชั่ว
เป็นมิจฉาทิฏฐิ ไม่มีความเอื้อเฟื้อ ย่อมห้าม
คนที่กำลังจะให้โภชนาหารแก่คนทั้งหลายที่
ขออยู่ ดังนี้.
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
อนุโมทนาค่ะทุกๆ ท่าน
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ