เราจะรู้ได้อย่างไรว่าชาตินี้ที่เราฆ่าสัตว์เป็นเพราะชาติที่แล้วสัตว์เคยฆ่าเราไว้ อย่างคนที่อยู่โรงฆ่าสัตว์ เช่น ฆ่าหมู ฆ่าวัว ควาย ฆ่าไก่ ชาติที่แล้วเขาอาจโดนฆ่ามาก่อนก็ได้ ชาตินี้ก็เลยมาเกิดเป็นฝ่ายฆ่าเขาบ้าง
ตามหลักคำสอนของพระพุทธองค์ทรงแสดงว่า สัตว์ทั้งหลายมีการเวียนว่ายตายเกิด มานับภพชาติไม่ถ้วน บางชาติถูกฆ่า บางชาติฆ่าสัตว์อื่น บางชาติทั้งฆ่าสัตว์อื่นและ ถูกเขาฆ่าด้วยทั้งหมด คือ ความเป็นไปของ กิเลส กรรม วิบาก เพราะมีกิเลสจึงมีการ กระทำกรรม เพราะมีการกระทำกรรมจึงมีวิบาก ขณะที่ฆ่าสัตว์อื่นเป็นกิเลสที่มีกำลัง เป็นอกุศลกรรม ขณะที่ถูกทำร้ายถูกฆ่าเป็นวิบาก คือ ว่าโดยปรมัตถธรรมแล้ว ไม่มี สัตว์ไม่มีบุคคล การฆ่าเป็นเจตนาไม่มีคน ไม่มีสัตว์ การได้เสวยทุกขเวทนา การตาย (จุติจิต) เป็นวิบาก เพราะฉะนั้นผู้มีปัญญารู้แจ้งความจริงอย่างนี้แล้ว ย่อมไม่กระทำ การฆ่า เพราะทั้งรูปและนามย่อมเป็นไปตามปัจจัย
ในพระไตรปิฎกแสดงไว้ว่า
คนที่อายุสั้น เพราะในอดีตเคยฆ่าสัตว์
คนที่เกิดมามีทรัพย์มาก เพราะในอดีตเคยให้ทาน
คนที่เกิดมาหน้าตาดี เพราะในอดีตเคยรักษาศีล
คนที่เกิดในตระกูลสูง เพราะในอดีตเป็นคนอ่อนน้อม ไม่ถือตัว
ก้อนหินหล่นใส่หัว ใครทำอะไรเราหรือเปล่า ไม่มี มีแต่เพียงสภาพธัมมะเท่านั้นที่ปรากฏ จึงไม่มีสัตว์ บุคคลใดเลยที่ฆ่า มีแต่เพียงสภาพธัมมะเท่านั้น
อนุโมทนาค่ะ
สภาพธรรมะ ก็คือ จิต เจตสิก รูป ที่เป็นกุศล อกุศล วิบาก กิริยา (เว้นนิพพาน เพราะยังไม่ถึง)
อนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาในกุศลยิ่งค่ะ