สิ่งที่มีคุณค่ามากกว่าการได้ประกาศนียบัตร
โดย ๐คุณย่า๐  17 ก.พ. 2554
หัวข้อหมายเลข 17899

(ภาพนี้เป็นเพียงภาพประกอบการตกแต่งความสวยงามในกระทู้เท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับ
เนื้อหาที่ท่านอาจารย์แสดงไว้ในปี ๒๕๕๑ แต่อย่างใด ในภาพนี้ท่านอาจารย์และ
คุณคำปั่นได้เดินทางไปร่วมเกื้อกูลผู้สนใจพระธรรม ที่กองทัพภาพที่ ๓ ค่ายนเรศวร
จ. พิษณุโลก ในปี ๒๕๕๔ ผู้อนุเคราะห์ภาพถ่าย : คุณวันชัย ....ขออนุโมทนา)

สนทนาพื้นฐานความเข้าใจธรรม

ที่กองพลทหารราบที่ ๔ จ. พิษณุโลก

๒๔ ก.พ. ๒๕๕๑

ถอดเทปโดย... คุณย่าสงวน สุจริตกุล

" สิ่งที่มีคุณค่ามากกว่าการได้ประกาศนียบัตร "

ท่านอาจารย์ กำลังฟังธรรมหรือเปล่าคะ? เห็นไหมคะ ทุกคน

ที่เข้าใจถูกต้อง ตอบว่ากำลังฟังธรรม เพราะว่ามีเสียงและมีจิตที่คิดนึก จะกล่าวว่าไม่ได้ฟังธรรมไม่ได้ นอกจากคนนั้นไม่เข้าใจธรรม

เพราะว่า "ทุกขณะเป็นธรรม" ไม่ใช่ใครคนหนึ่งคนใดทั้งสิ้น นี่เป็นสิ่งซึ่งใครคนใดคนหนึ่ง เกิดมาแล้วจะมาถึง ณ วันนี้ เลือกได้หรือเปล่า? ทุกอย่างเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย แม้แต่ความคิดของแต่ละคน แต่ละขณะนี้เราไม่รู้เลยว่าขณะต่อไป เราจะคิดอะไร ...แต่ลืมอีกแล้ว ! (ลืม) ว่าที่คิดอย่างนั้น ก็ไม่ใช่เรา มีเหตุปัจจัยที่แต่ละคน จะคิดต่างกัน นั่งอยู่ด้วยกัน ได้ยินด้วยกัน ก็คิดต่างๆ กันไปตามการสะสม

เพราะฉะนั้น ถ้ายิ่งเข้าใจธรรมจริงๆ ก็จะรู้ว่าการได้เข้าใจอย่างนี้ จะมีประโยชน์กว่าการที่จะเกิดมาแล้วเป็นคนเก่ง มีความสำเร็จต่างๆ มีลาภ มียศ มีสรร-เสริญ แต่ไม่รู้ความจริงว่าเป็นธรรม

ไม่มีตัวใครสักคนเดียว อย่างที่ได้กล่าวถึงในตอนต้น เกิดมาเป็นอย่างนี้ พรุ่งนี้หายไปได้ ไม่ได้อยู่ในโลกนี้อีกต่อไปแล้ว ลองคิดดู ทำไมจึงกล่าวว่า ไม่มีคนนั้นอีกแล้วหรือไม่มีอีกเลย เพราะไม่มีสภาพธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่งให้เกิดขึ้นเป็นไปโดยใครก็บังคับบัญชาไม่ได้ว่าจะให้อยู่ในโลกนี้อีกนานต่อไป หรือว่าอยู่ในโลกนี้อีกไม่นานเลย

เพราะฉะนั้น ก็แสดงให้เห็นว่า จริงๆ แล้วนี่ เราไม่ได้เข้าใจว่า ไม่มีเรา ประกาศนียบัตรหรืออะไรทั้งหมด ก็เป็นสิ่งที่ปรากฏทางตาให้คิด ให้นึกปรุงแต่ง ให้ติดข้อง ไม่รู้ความจริงว่า แท้ที่จริงแล้ว ชั่ว ๑ ขณะจิต ที่เกิดและดับไปไม่มีใครสามารถจะทำอะไรได้เลย เพราะมีเหตุปัจจัยที่จะให้ขณะต่อไปเกิดโดยเลือกไม่ได้ แต่สามารถที่จะเข้าใจได้ในความเป็นอนัตตา และในทุกอย่างของทุกชีวิตนะคะ เกิดมาเป็นอย่างนี้แล้วหายไป ไม่กลับมาเป็นคนนี้อีกต่อไปเลยทั้งสิ้น

เพราะเรายึดถือสภาพธรรมที่เกิดดับว่าเป็นเรา เป็นเขาจะยึดถือสภาพธรรม แล้วแต่ว่าจะเป็นสัตว์ เป็นบุคคลใดๆ ก็ตามแต่ เมือหมดปัจจัยที่จะให้สภาพธรรมซึ่งเป็นจิต, เจตสิก,รูปเกิดดับในความซึ่งเป็นบุคคลนั้น สิ้นสุดลง ก็จะหายไปหายไปเลย ไม่กลับมาอีกเลย แต่ธรรมไม่หาย ตราบใดที่ยังไม่ถึงความเป็นพระอรหันต์ ก็มีปัจจัยที่จะให้เกิด แล้วก็เลือกไม่ได้อีก เกิดต่อไป (ชาติต่อไป) อาจะไม่มี (ประกาศนียบัตร) สักใบเดียวก็ได้ จะไปเกิดที่ไหน เมื่อไร ยังไง ก็ได้ทั้งนั้นเลยค่ะ ตามเหตุตามปัจจัย แต่การรู้การเข้าใจธรรม จะเห็นได้เลยว่า มีค่ามากกว่าอย่างอื่น เพราะสามารถที่จะรู้ความจริงว่า ไม่มีเรา แต่มีธรรม ซึ่งเป็นความเห็นที่ถูกต้อง



ความคิดเห็น 1    โดย orawan.c  วันที่ 17 ก.พ. 2554

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 2    โดย วันชัย๒๕๐๔  วันที่ 17 ก.พ. 2554

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 3    โดย khampan.a  วันที่ 17 ก.พ. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 4    โดย wirat.k  วันที่ 18 ก.พ. 2554
ขออนุโมทนาครับ

ความคิดเห็น 5    โดย ผิน  วันที่ 18 ก.พ. 2554
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาคะ

ความคิดเห็น 6    โดย คุณ  วันที่ 18 ก.พ. 2554

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 7    โดย prakaimuk.k  วันที่ 19 ก.พ. 2554

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 8    โดย intira2501  วันที่ 20 ก.พ. 2554

ถ้ายิ่งเข้าใจธรรมจริงๆ ก็จะรู้ว่าการได้เข้าใจอย่างนี้ จะมีประโยชน์กว่าการที่จะเกิดมา แล้วเป็นคนเก่ง มีความสำเร็จต่างๆ มีลาภ มียศ มีสรรเสริญ แต่ไม่รู้ความจริงว่าเป็นธรรม เป็นคำกล่าวเตือนที่ไพเราะยิ่ง ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตค่ะ


ความคิดเห็น 9    โดย จักรกฤษณ์  วันที่ 21 ก.พ. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 10    โดย choonj  วันที่ 21 ก.พ. 2554

ประกาศนียบัตร เป็นใบแสดงให้ผู้อื่นรู้ว่าผู้นี้มีความรู้อะไรมาบ้าง แต่บางที่มีแล้วไม่รู้ก็มี เมื่อตายไปแล้วก็เอาไปด้วยไม่ได้ แต่การเข้าใจธรรมผู้อื่นไม่อาจรู้ได้ รู้ได้เฉพาะตนและเมื่อตายไปแล้วเป็นปัญญาเอาไปด้วยได้ และได้ใช้ในโลกหน้า จึงมีคุณค่ามากกว่า.....ฯ


ความคิดเห็น 11    โดย Jesse  วันที่ 21 ก.พ. 2554

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 12    โดย pamali  วันที่ 3 มี.ค. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ