แม้ว่าจะได้ฟังธรรมมามากแล้วก็ตาม เข้าใจว่าสภาพธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา แต่พอถึงเวลาที่สังขารร่างกายมันเจ็บป่วย ไม่ว่าจะโรคเล็กหรือโรคใหญ่ มันก็ยังทำใจไม่ได้อยู่ดี คือ มันก็ยังเกิดความทุกข์ร้อนกาย ทุกข์ร้อนใจอยู่เหมือนเดิม ยังยึดถือว่าเป็นเราเจ็บอยู่เหมือนเดิม จึงไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ก็เลยลองใช้ปัญญาพิจารณาธรรม หรือที่เรียกว่า ธรรมานุปัสนาสติปัฏฐาน แต่ก็ยังไม่ได้ช่วยให้หายทุกข์ จึงอยากเรียนถามท่านอาจารย์ว่าจะมีวิธีทำหรือกำหนดอย่างไรหรือเปล่าในขณะที่ทุกข์ตรงนี้เกิดขึ้น
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระธรรมเป็นเรื่องเข้าใจ ไม่ใช่เรื่องที่จะละ ไม่ให้เกิด ดังนั้น ความทุกข์ใจมีจริงเกิดขึ้นเป็นธรรมดา และเกิดได้มาก สำหรับผู้ที่เป็นปุถุชน เพราะฉะนั้น เกิดแล้ว มีแล้ว มีจริง หนทางที่ถูก ไม่ใช่จะกำหนดอย่างไร ไม่ให้ทุกข์เกิด หรือ เกิดน้อยลง แต่ หนทางที่ถูก คือ เข้าใจว่าเป็นธรรมและเป็นอนัตตา ไม่ใช่เรา แม้ทุกข์ใจที่เกิดขึ้นก็เป็นธรรม การเข้าใจเช่นนี้ คือ เข้าใจทุกข์ โดยเข้าใจถูกว่า ทุกข์ธรรมดา ที่จะต้องเกิดและเกิดต่อไป แต่เป็นไปตามเหตปัจจัย ไม่ใช่เรา นี่คือ เป็นเรื่องของการเข้าใจ ไม่ใช่เรื่องที่จะได้ คือ ได้ให้ทุกข์น้อยลง ครับ การฟัง ศึกษาพระธรรมในหนทางที่ถูกต้อง ย่อมเกื้อกูล แม้ในชีวิตประจำวัน สมดังคำที่ว่า ปัญญานำไปในกิจทั้งปวง
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนา
ในขณะที่พระอรหันต์ท่านมีความทุกข์กายเกิดขึ้น คือ ไม่ว่าท่านจะเจ็บสักเพียงใด แต่จิตใจของท่านกลับไม่มีความทุกข์ร้อนเลย ตรงนี้ผมจึงอยากเรียนถามท่านอาจารย์ว่าพระอรหันต์ท่านมีวิธีพิจารณาสภาพธรรมตามความเป็นจริงอย่างไร
เหตุให้เกิดทุกข์ คือ กิเลส พระอรหันต์ท่านหมดกิเลสแล้ว ไม่ว่าท่านจะพิจารณา หรือไม่พิจารณา เมื่อเกิดทุกข์กาย อย่างไรก็ไม่ทุกข์ใจ เพราะเหตุให้ทุกข์ใจได้ดับหมดสิ้นแล้วครับ ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เป็นธรรมดาของชีวิต เมื่อเกิดมาแล้ว ก็ต้องมีความเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นธรรมดาไม่มีใครหลีกหนีพ้น ดังนั้นจึงเป็นเครื่องเดือนที่ดีว่า ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นแม้ในขณะต่อไป ความไม่ประมาทในชีวิตสำคัญที่สุดที่จะได้เจริญกุศลสะสมความดีและฟังพระธรรมให้เข้าใจ และถ้าประสบกับโรคภัยไข้เจ็บจริงๆ ก็สามารถเข้าใจในความเป็นจริงของธรรมได้ว่า นี้คือความจริงเป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย ขณะที่เข้าใจ เป็นกุศลที่ประกอบด้วยปัญญา ไม่เศร้าโศกไม่เสียใจในขณะนั้น ดังนั้น สำคัญคือการมีโอกาสได้ฟังได้ศึกษาพระธรรมสะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกเป็นปกติในชีวิตประจำวัน ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ทุกข์ทางกายหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้แต่พระพุทธเจ้าท่านก็ยังมีทุกข์กาย แต่ท่านไม่ทุกข์ใจและทุกข์กายนี้ทนได้ยากเพราะไม่น่ายินดี สภาพทุกข์ก็ต้องเกิดดับไม่มีอะไรเที่ยง แล้วก็หมดไปผ่านไปค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ