ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรม จากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจสั้นๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย เพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ถึงแม้ว่าจะเป็นข้อความที่สั้น แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์อยู่ในตัว ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๗๑
แม้ขณะที่ฟังธรรม ถ้าไม่ได้ฟังด้วยความตั้งใจพิจารณาในเหตุผลจริงๆ
และเป็นผู้ถือเอาแต่สิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ และทิ้งสิ่งที่เป็นประโยชน์ ก็ย่อม
จะไม่สามารถที่จะรู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้
ความไม่รู้ เป็นความไม่รู้ ความเห็นผิด เป็นความเห็นผิด ไม่ใช่สภาพธรรม
อย่างเดียวกัน
ขอให้ทุกคนคิดถึงแต่ละขณะที่มีค่า ที่เกิดเป็นมนุษย์ และมีโอกาสได้
ฟังพระธรรม ซึ่งจะมีเวลา (เป็นมนุษย์ในชาตินี้) ต่อไปอีกไม่นานเลย
แต่ละคนก็จะต้องจากโลกนี้ไป หมดสภาพความเป็นบุคคลนี้ แล้วก็สะสม
กุศลบ้าง อกุศลบ้าง มากน้อยต่างๆ กันไป แต่ว่าสิ่งที่แน่นอนที่สุด คือ ต้องจาก
เหตุการณ์และเรื่องราวต่างๆ ของโลกนี้โดยสิ้นเชิงในวันหนึ่ง เพราะฉะนั้นสิ่งที่ควรจะ
ติดตัวไป ก็ควรจะเป็นการเจริญกุศลและการเข้าใจสภาพธรรมเพิ่มขึ้น
ชีวิตของชาติหนึ่งที่ปัญญาจะเจริญขึ้น ที่จะอบรมเจริญความเห็นถูกในลักษณะ
ของสภาพธรรมจะมากหรือจะน้อย เพราะว่าบางชีวิตก็สั้นมาก บางชีวิตก็อาจจะ
ยืนยาวพอสมควร แต่ก็เป็นชีวิตที่ไร้สาระ เพราะเหตุว่าไม่ได้เข้าใจลักษณะของ
สภาพธรรมที่กำลังปรากฏ
ผู้ที่หวังร้ายต่อท่าน ก็เป็นอกุศลจิตของเขา
ปัญญาก็สามารถทำให้เข้าใจถูกต้องว่า อกุศลเป็นโทษแน่นอน
ในขณะที่อกุศลเกิดทำร้ายใคร ทำร้ายจิตที่กำลังเป็นอกุศลในขณะนั้น
แล้วยังทำร้ายต่อไปถึงคนอื่นอีกมากมายตามกำลังของอกุศลนั้นๆ
ไหนๆ ก็จะตาย แล้วอย่างไรก็ต้องตาย ทุกภพทุกชาติก็ต้องตาย แล้วก่อน
ตายจะทำอะไร?
จะไม่รู้จักพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าแน่นอน ถ้าไม่เข้าใจพระธรรมที่
พระองค์ทรงแสดง
ใครที่ยังเต็มไปด้วยโลภะ โทสะ โมหะ และทุจริตทางกายบ้าง ทางวาจาบ้าง
ทางวาจาบ้าง ก็ส่องไปถึงความเข้าใจธรรมว่ามากหรือน้อย
ผู้ที่เห็นประโยชน์ของการฟัง ไม่ใช่ฟังเพื่อพรุ่งนี้จะเป็นพระอริยบุคคลหรือ
จะประจักษ์การเกิดขึ้นและดับไปของธรรม แต่ฟังด้วยการเป็นผู้ตรง ขณะที่ฟัง
ก็มีธรรมปรากฏ แล้วเข้าใจตัวธรรมที่ปรากฏแค่ไหน ซึ่งต้องอาศัยการฟังอีก
ฟังอีก โดยที่ไม่ต้องหวังว่า วันไหน เดือนไหน ปีไหนเลย แต่เป็นความเข้าใจ
ที่เพิ่มขึ้นและมั่นคงขึ้นว่า ทุกอย่างเป็นธรรม ซึ่งเมื่อมีเหตุปัจจัยก็เกิด เพราะฉะนั้น
อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
ที่พึ่งจริงๆ ก็คือความดี ทุกสิ่งทุกอย่างที่ดีที่ได้รับในชีวิต ต้องมาจากกุศลกรรม
กุศลกรรมเป็นปัจจัยที่ดี ที่จะนำมาซึ่งสิ่งที่ปรากฏทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ซึ่งไม่เดือดร้อน
ไม่เป็นทุกข์
ทุกคนมีอะไรที่สะสมมาแล้วอยู่ในจิต เพราะเป็นนามธรรม ไม่สามารถมีอะไร
ไปเปิดออกมาให้เห็นได้ว่า สะสมอะไรไว้บ้าง ทั้งกุศล ทั้งอกุศล ทั้งปัญญา ทั้งศรัทธา
แต่ว่าชีวิตวันหนึ่งๆ ถ้าไม่มีจิต ก็ไม่มีการกระทำใดๆ ทางกาย ทางวาจาซึ่งเกิดตามเหตุ
ตามปัจจัยที่ได้สะสมมา
สิ่งที่มีค่าที่สุด ซึ่งขโมยลักไม่ได้ โจรปล้นไม่ได้ น้ำพัดพาไปไม่ได้ ก็คือปัญญา
ความเห็นถูก ความเข้าใจถูก ซึ่งแม้ว่าจากโลกนี้ไป ใครก็ไม่รู้ว่า จะเกิดเป็นอะไร
แต่สิ่งที่สะสมไปแล้วปรุงแต่งเมื่อถึงกาลที่สามารถเป็นปัจจัยให้ได้เข้าใจธรรม
ปกติแล้ว ปุถุชนมักจะเป็นผู้ที่ตกจากกุศล ใช้คำว่า ตกจากกุศล บ่อยๆ เนืองๆ
ไม่ใช่เป็นผู้ที่พร้อมด้วยกุศลที่จะเกิดสำหรับผู้ที่เป็นปุถุชน จะเห็นว่าวันหนึ่งๆ ตกไป
ในทางโลภะ อยากจะได้สิ่งที่ปรากฏทางตาบ้าง เสียงบ้าง กลิ่นบ้าง รสบ้าง โผฏฐัพพะ
บ้าง ในวันหนึ่งๆ เพราะฉะนั้น ปุถุชนจะตกจากกุศลบ่อยเหลือเกิน
ในวันนี้อกุศลยังมีมากอยู่ ก็แสดงให้เห็นว่า กุศลที่จะเกิดไม่พอที่จะทำให้
อกุศลลดน้อยลง
ที่ไม่ควรประมาทอย่างยิ่ง คือ ทำดี เป็นที่พึ่งอย่างเดียว พึ่งได้จริงๆ
คือ พึ่งกุศล และศึกษาธรรมให้เข้าใจ
มาฟังพระธรรม เพราะรู้ว่า ธรรม แม้มีจริง แต่ก็ยังยากที่จะรู้ตามความเป็นจริง
ขณะที่เห็น เป็นวิบาก แต่ขณะที่โกรธ ไม่ใช่วิบาก
ไม่ควรที่จะเป็นผู้หลงผิด ไม่ควรที่จะเป็นผู้ไม่รู้ อีกต่อไป
เป็นกุศลกรรมแล้วในขณะที่เริ่มได้ฟังความจริง ที่จะทำให้มีความเข้าใจ
ถูกเห็นถูกได้.
ขอเชิญผู้ศึกษาพระธรรมร่วมกัน (สหายธรรม) ร่วมแบ่งปันธรรมด้วยครับ
ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๗๐
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
@ เพราะไม่รู้จึงฟัง เพราะไม่รู้จึงอ่าน ไม่ใช่โดยคิดเดาเอาเอง แต่อ่านเพื่อเข้าใจถูกต้อง
ทุกครั้งที่ฟังธรรมหรืออ่านเพื่อให้รู้ยิ่งขึ้น เข้าใจถูกยิ่งขึ้น เพื่อละความไม่รู้จึงจะละอกุศล
อื่นได้
@ พระสูตร แสดงตามความเป็นจริง ถึงสิ่งต่างๆ รู้ตามเป็นจริงว่าตราบที่ไม่มีปัญญา ก็ไม่
พ้นจากกิเลส แสดงให้เห็นประโยชน์ในชีวิตประจำวันให้รู้ว่าทั้งหมดเป็นธรรมเพื่อเห็นถูก
ต้อง และละคลายความเป็นเรา
@ การสอบถามธรรม ก็เพื่อคลายความสงสัย ถามเพื่อเข้าใจสิ่งที่กำลังมีเวลาที่ศึกษา
ธรรม อยากรู้เรื่อง แต่ลืมว่าขณะนี้จริงๆ คือ ธรรม ประโยชน์ก็คือ เพื่อเข้าใจถูกเห็นถูกใน
สิ่งที่กำลังมีกำลังปรากฏ
@ สัจจธรรมของพระผู้มีพระภาคเจ้า ทั้งหมดเพื่อที่จะให้รู้ว่าธรรมมีจริง ถ้าฟังแล้วเข้าใจ
ว่า เป็นอัตตา เป็นตัวเรา เป็นตัวตน สัตว์บุคคล เราอยากรู้สภาพธรรมที่เกิดดับ ก็คือการฟัง
นั้นเป็นโมฆะไปแล้ว จึงต้องเป็นผู้ละเอียดเพราะพระธรรมเป็นเรื่องละเอียดลึกซึ้ง ตรง ซึ่ง
ต้องมั่นคงว่าธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา พระไตรปิฎกมีเท่าไร ทั้งหมดก็เพื่อให้เข้าใจ
ถูกต้องว่าธรรม เป็นอนัตตา
@ เวลานี้ใครชื่ออะไรพบกันหลายครั้ง ไปมาหาสู่กัน เที่ยวด้วยกัน รู้จักกันไม่นาน พอ
หมดก็ไม่รู้จักกันอีกเลย เหมือนบุคคลชาติก่อนๆ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ตรงถูกต้องคือ
ปัญญา ซึ่งต้องอาศัยศรัทธา ฟังจนเห็นถูกต้อง คลายความไม่รู้ ติดข้องทรัพย์ รู้ว่าทั้ง
หมดก็ตามมีตามได้ ตามปัจจัยบังคับบัญชาไม่ได้
@ ทรัพย์ ก็คือ ผลของกรรม ถ้าเป็นผลของกุศลก็ไม่ต้องห่วง ส่วนทรัพย์ คือ ศรัทธา ที่
จะเจริญขึ้นได้ต้องเป็นเรื่องของการฟัง มิฉะนั้นจะเป็นเพียงขั้นทาน ความสงบของจิต แต่
ไม่ใช่การเข้าใจธรรม ฉะนั้นการเข้าใจถูกต้องประเสริฐกว่าทรัพย์ใดๆ เพราะบางคน
มีทรัพย์เพื่อติดข้อง แต่ความละเอียดคือ สามารถสละความติดข้องได้
@ การฟังธรรมทั้งหมดก็เพื่อความเข้าใจถูกต้อง ไม่ใช่เพื่อเราพยายาม นั้นคือ ลืมว่าเป็น
ธรรม ที่ฟังว่าทุกอย่างเป็นธรรม ก็เป็นโมฆะทั้งหมด เพราะถูกลบล้างด้วยอวิชชาที่ถือมั่น
โดยความเป็นเรา แต่ที่ถูกคือ เข้าใจยิ่งขึ้น จนกระทั่งคล้อยตามความจริง น้อมไปสู่ความ
จริงว่า ทุกอย่างที่ปรากฏ แม้เดี๋ยวนี้ก็เป็นธรรม
@ ผู้ใดที่พบประโยชน์ ตั้งตนไว้ชอบ มีความมั่นคงในกุศล ก็เพราะได้กระทำบุญไว้แต่
ปางก่อน ซึ่งการเจริญกุศล ณ ขณะนี้ ก็จะเป็นปางก่อนของชาติถัดไป
ขออนุโมทนา
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
อนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
สาธุ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่่เคารพยิ่ง ขอบพระคุณ และ ขออนุโมทนาในกุศลวิริยะ ของ อ.คำปั่น อักษรวิลัย อ.เผดิม ยี่สมบุญ และ ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาเป็นอย่างยิ่งค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณและอนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนา
สาธุ
กราบอนุโมทนาค่ะ
ทุกคนมีอะไรที่สะสมมาแล้วอยู่ในจิต เพราะเป็นนามธรรม ไม่สามารถมีอะไรไปเปิดออกมาให้เห็นได้ว่า สะสมอะไรไว้บ้าง ทั้งกุศล ทั้งอกุศล ทั้งปัญญา ทั้งศรัทธาแต่ว่าชีวิตวันหนึ่งๆ ถ้าไม่มีจิต ก็ไม่มีการกระทำใดๆ ทางกาย ทางวาจาซึ่งเกิดตามเหตุตามปัจจัยที่ได้สะสมมา
น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ
แม้ขณะที่ฟังธรรม ถ้าไม่ได้ฟังด้วยความตั้งใจพิจารณาในเหตุผลจริงๆ และเป็นผู้ถือเอาแต่สิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ และทิ้งสิ่งที่เป็นประโยชน์ ก็ย่อมจะไม่สามารถที่จะรู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้ น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ
ผู้ที่เห็นประโยชน์ของการฟัง ไม่ใช่ฟังเพื่อพรุ่งนี้จะเป็นพระอริยบุคคลหรือจะประจักษ์การเกิดขึ้นและดับไปของธรรม แต่ฟังด้วยการเป็นผู้ตรง ขณะที่ฟังก็มีธรรมปรากฏ แล้วเข้าใจตัวธรรมที่ปรากฏแค่ไหน ซึ่งต้องอาศัยการฟังอีก ฟังอีก โดยที่ไม่ต้องหวังว่า วันไหน เดือนไหน ปีไหนเลย แต่เป็นความเข้าใจที่เพิ่มขึ้นและมั่นคงขึ้นว่า ทุกอย่างเป็นธรรม ซึ่งเมื่อมีเหตุปัจจัยก็เกิด เพราะฉะนั้นอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด กราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ