ผมรู้สึกเสียใจมากครับกับเรื่องที่เกิดขึ้น คุณแม่ผมป่วยด้วยโรคมะเร็งปอด หายใจโดยอ๊อกซิเจนเกือบตลอด คุณหมอให้ออกจากโรงพยาบาลมาพักที่บ้าน วันหนึ่งท่านอาการกำเริบขึ้นไอออกมาเป็นเลือด ผมทำงานอยู่ที่ทำงานคุณพ่อโทรให้ผมนั่งแท็กซี่มาเพื่อมาพาตัวแม่ไปโรงพยาบาลที่จริงจิตในตอนนั้นไม่อยากไปแต่ด้วยความสำนึกว่าเป็นลูกจึงรับปากไปในตอนนั้นผมหวงเรื่องถังอ๊อกซิเจนสำรองซึ่งแม่นำมาใช้หมดกลัวนำคุณแม่ไปเสียชีวิตก่อนถึงโรงพยาบาลเนื่องขาดอ๊อกซเจนกลัวเป็นกรรมหนักและก็ไม่อยากพาท่านไปโรงพยาบาลเพราะเหนื่อยกับการติดต่อที่โรงพยาบาลไม่อยากเห็นท่านนอนทรมานห้องฉุกเฉิน และไม่กล้าสั่งพ่อให้เรียกข้างบ้านช่วยเพราะตอนท่านแข็งแรงอยู่ไม่ค่อยถูกกัน จึงทำให้ผมมาถึงบ้านช้าไปประมาณ 10 กว่านาที แต่คุณพ่อเล่าว่าคุณแม่หลังจากไอเป็นเลือดท่านไปนั่งกระโถนและล้มหัวฟาดพื้นเสียชีวิต อยากถามท่านอาจารย์ว่าถ้าจิตในตอนนั้นเกิดอยากปล่อยให้ท่านเสียชีวิตไปเพื่อจะได้ไม่ต้องทนทรมานกับโรคที่รักษาไม่ได้และไม่ต้องเสี่ยงกับการที่พาท่านไปโรงพยาบาลโดยไม่มีถังอ๊อกซิเจนซึ่งอาจจะทำให้ท่านเสียชีวิตบนรถแท็กซี่ และคิดว่าที่ไปช่วย ช่วยได้ก็ช่วย ช่วยไม่ได้ก็ต้องยอมปล่อยท่านไป ภาวะจิตเช่นนี้เป็นอนันตริยกรรมไหมครับ
เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ
เป็นอนันตริยกรรมหรือไม่
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ตามความเป็นจริงแล้ว เมื่อมารดาป่วย ไม่ว่าจะหนักหรือเบา ผู้ที่เป็นบุตรธิดา ก็จะต้องดูแลเอาใจใส่พยาบาลรักษาท่าน การไม่ดูแลรักษา หรือ ปล่อยปละละเลย ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เป็นการไม่ได้น้อมประพฤติในสิ่งที่ควร แต่การไม่ดูแลรักษา ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นผู้มีเจตนาฆ่า เสมอไป ก็ต้องพิจารณาตรงนี้ด้วย เพราะอาจจะเห็นว่าลำบาก กลัวในเรื่องต่างๆ หรือ เห็นว่าไม่สามารถรักษาได้แล้ว เป็นต้น ขณะนั้นไม่ได้มีเจตนาฆ่า ถ้ามารดาสิ้นชีวิต ก็ไม่เป็นอนันตริยกรรม แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้ามีเจตนาฆ่า ด้วย เช่น อยากให้ท่านตายเร็วขึ้น ทำอะไรต่างๆ เพื่อให้ท่านได้สิ้นชีวิต มีเจตนาฆ่า มีความพยายามในการฆ่า และในที่สุดท่านก็สิ้นชีวิต อย่างนี้ เป็นอนันตริยกรรม ครับ
...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ