[เล่มที่ 27] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้า 435
๗. โสตาปันนสูตร
ว่าด้วยเหตุให้สําเร็จเป็นพระโสดาบัน
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 27]
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้า 435
๗. โสตาปันนสูตร
ว่าด้วยเหตุให้สำเร็จเป็นพระโสดาบัน
[๓๗๓] กรุงสาวัตถี. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสกะท่านพระราธะว่า ดูก่อนราธะ อุปาทานขันธ์ ๕ ประการนี้ ๕ ประการ เป็นไฉน?
ได้แก่ อุปาทานขันธ์ คือ รูป ฯลฯ อุปาทานขันธ์ คือ วิญญาณ ดูก่อนราธะ ในกาลใดแล อริยสาวกย่อมรู้ชัดเหตุเกิด ความดับ คุณ โทษ และอุบายเป็นเครื่องสลัดออกแห่งอุปาทานขันธ์ ๕ ประการนี้ตามความเป็นจริง เมื่อนั้น อริยสาวกนี้ เราตถาคตกล่าวว่าเป็นโสดาบัน ผู้มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้เป็นเบื้องหน้า.
จบ โสตาปันนสูตร
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้า 436
๘. อรหันตสูตร
ว่าด้วยเหตุให้สำเร็จเป็นพระอรหันต์
[๓๗๔] กรุงสาวัตถี. พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสกะท่านพระราธะว่า ดูก่อนราธะ อุปาทานขันธ์ ๕ ประการนี้ ๕ ประการเป็นไฉน?
ได้แก่ อุปาทานขันธ์ คือ รูป ฯลฯ อุปาทานขันธ์ คือ วิญญาณ ดูก่อนราธะ ในกาลใดแล ภิกษุรู้ชัดเหตุเกิด ความดับ คุณ โทษ และ อุบายเป็นเครื่องสลัดออกแห่งอุปาทานขันธ์ ๕ ประการนี้ตามความเป็นจริงแล้ว ย่อมเป็นผู้หลุดพ้น เมื่อไม่ถือมั่น ดูก่อนราธะ ภิกษุนี้เรา กล่าวว่าเป็นอรหันตขีณาสพอยู่จบพรหมจรรย์ ทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ปลงภาระลงแล้ว บรรลุประโยชน์ตนโดยลำดับแล้ว ผู้หมดสิ้นกิเลสเครื่องประกอบสัตว์ไว้ในภพแล้ว ผู้หลุดพ้นแล้วเพราะรู้โดยชอบ.
จบ อรหันตสูตร