ท่านพระอานนท์เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าทูลถามว่า
"พระพุทธเจ้าข้า กึ่งหนึ่งของพรหมจรรย์นี้ คือ ความเป็นผู้มีมิตรงาม ๑ ความเป็นผู้มีสหายงาม ๑ ความเป็นผู้โน้มเข้าไปในมิตรที่งาม ๑" พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า "อานนท์! เธออย่าได้กล่าวอย่างนี้เลยๆ อานนท์ พรหมจรรย์ทั้งสิ้นนี้คือ ความเป็นผู้มีมิตรงาม ๑ ความเป็นผู้มีสหายงาม ๑ ความเป็นผู้โน้มไปในมิตรงาม ๑ อานนท์ เหตุนั้น อันภิกษุผู้มีมิตรอันงาม มีสหายงาม โน้มไปในมิตรที่งาม พึงหวังได้เฉพาะ เธอจักเจริญ ทำให้มากซึ่งมรรคมีองค์ ๘ ที่เป็นของพระอริยะ อย่างไร อานนท์ ก็ภิกษุผู้มีกัลยาณมิตร ฯลฯ เจริญ ทำให้มากซึ่งมรรคมีองค์ ๘ อันเป็นของพระอริยะอานนท์ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เจริญสัมมาทิฏฐิ ฯลฯ เจริญสัมมาสมาธิที่อาศัยวิเวก. อานนท์ อย่างนี้แล ภิกษุผู้มีกัลยาณมิตร ฯลฯ ทำให้มาก อานนท์ เหตุนี้นั้น พึงทราบโดยทำนองนี้ เหมือนอย่างพรหมจรรย์นี้ทั้งสิ้น คือ ความเป็นผู้มีมิตรที่งาม ๑ ความเป็นผู้มีสหายงาม ๑ ความเป็นผู้โน้มไปในมิตรทั้งงาม ๑ อานนท์ ก็สัตว์ทั้งหลาย ผู้มีการเกิดเป็นธรรมดา อาศัยเราผู้เป็นกัลยาณมิตร ย่อมพ้นจากชาติ. สัตว์ทั้งหลายผู้มีความแก่เป็นธรรมดา ฯลฯ มีความโศก ความร่ำไร ทุกข์ ความโทมนัสและความคับแค้นใจเป็นธรรมดา ย่อมพ้นจากความโศก ความร่ำไร ความทุกข์ ความโทมนัส และ ความคับแค้นใจ.
พระผู้มีพระภาคเจ้า แม้เมื่อจะตรัสความถึงพร้อมด้วยองค์ในภายนอก แก่ภิกษุทั้งหลายจึงตรัสว่า "ภิกษุทั้งหลาย เมื่อทำสิ่งในภายนอกว่าเป็นองค์แล้ว เราไม่พิจารณาเห็นองค์อื่น แม้สักองค์เดียว ที่เป็นไปเพื่อประโยชน์ยิ่งใหญ่อย่างนี้ เหมือนความเป็นผู้มีมิตรงามนี้ ภิกษุทั้งหลาย ความเป็นผู้มีมิตรงาม เป็นไปเพื่อประโยชน์อย่างใหญ่" แม้เมื่อจะตรัสข้อปฏิบัติเป็นเครื่องขัดเกลากิเลส แก่พระมหาจุนทะ
มิตรที่ดีงามย่อมให้ของที่ดีงามให้ได้ยาก รับทำกิจที่ทำได้ยาก อดทนถ้อยคำหยาบคายแม้ยากที่จะอดใจไว้ได้ บอกความลับของตนแก่เพื่อน ไม่ละทิ้งในยามวิบัติ เมื่อเพื่อนสิ้นโภคสมบัติก็ไม่ดูหมิ่น ฐานะเหล่านี้มีอยู่ในบุคคลใด บุคคลนั้นเป็นมิตรแท้ ผู้ประสงค์จะคบมิตร ก็ควรคบมิตรเช่นนั้น
ขออนุโมทนาครับ
ในอรรถกถาเมฆิยสูตรท่านอธิบายลักษณะกัลยาณมิตรไว้ดังนี้
เชิญคลิกอ่านที่นี่
ลักษณะกัลยาณมิตร [อรรถกถาเมฆิยสูตร]
ขอบคุณครับ
สาธุ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น