มีผู้กล่าวว่า "สมมติบัญญัติต่างๆ นั้น แม้พระคัมภีร์พระไตรปิฏก ก็ต้องสังคายนาใหม่ในทุกวาระ หลักการที่เราคิดว่าดีแล้วก็ยังมีสิ่งที่ล้ำเลิศกว่า" ดิฉันคัดลอกมาทุกตัวอักษร คนๆ นี้กล่าวผิดถูกประการใดค่ะ ดิฉันไปอ่านเจอมา ไม่เข้าใจคำพูดของเค้า ว่าถูกผิดประการใดค่ะ ขอความกรุณาช่วยอธิบายด้วยค่ะ
ขอขอบพระคุณค่ะ
ควรทราบว่า การที่พระอรหันต์ทั้งหลายท่านกระทำการสังคายนาพระธรรมไม่ใช่ว่าท่านได้ค้นพบหลักการอะไรใหม่ ที่เป็นเลิศกว่าคำสอนของพระพุทธองค์ พระธรรมที่พระผู้มี พระภาคเจ้าทรงตรัสรู้ และทรงแสดงนั้น งามทั้งเบื้องต้น ท่ามกลาง และ ที่สุด ไม่มีอะไรจะประเสริฐยิ่งกว่า สัจธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นจริงทุกกาลสมัย ไม่มีใครสามารถคัดค้าน เปลี่ยนแปลง หรือลบล้างได้ แต่เหตุที่พระอรหันตสาวกทั้งหลายท่านต้องกระทำการสังคายนาพระธรรมวินัย เพราะมีมูลเหตุให้ต้องกระทำการสังคายนา จุดประสงค์หลักๆ ก็เพื่อรักษาพระธรรมวินัยให้คงเดิมไว้ เพื่อให้เป็นประโยชน์แก่ชนรุ่นหลังต่อไป ซึ่งบุคคลในยุคนี้สมัยนี้ ถ้าหากยังไม่ได้ศึกษาให้เข้าใจธรรมถูกต้อง ก็ย่อมจะไม่เห็นถึงความลึกซึ้งของพระธรรม ไม่เห็นคุณค่าของธรรมรัตนะ ก็อาจจะมีการวิพากษ์วิจารณ์คำสอนไปตามความคิดเห็นของตนได้ ซึ่งไม่ว่าจะมีการกล่าวอะไรก็ตาม สิ่งนั้นไม่สำคัญเท่ากับว่า เราได้เกิดปัญญา และเพิ่มพูนความดีจากคำกล่าวนั้นหรือไม่ ถ้าคำกล่าวนั้นไม่ช่วยให้เกิดปัญญา และไม่ช่วยให้กุศลเจริญขึ้น สิ่งนั้นก็ไม่ควรเป็นสิ่งที่เราควรจะใส่ใจถึงครับ
ขอเชิญคลิกอ่านครับ >>
ประวัติการสังคายนาพระไตรปิฎก
"...ซึ่งไม่ว่าจะมีการกล่าวอะไรก็ตาม สิ่งนั้นไม่สำคัญเท่ากับว่า เราได้เกิดปัญญา และ เพิ่มพูนความดีจากคำกล่าวนั้นหรือไม่ ถ้าคำกล่าวนั้นไม่ช่วยให้เกิดปัญญาและไม่ช่วยให้กุศลเจริญขึ้น สิ่งนั้นก็ไม่ควรเป็นสิ่งที่เราควรจะใส่ใจถึง..."
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาบุญค่ะ ขอบพระคุณอย่างสูงค่ะที่ตอบคำถาม และ แนะนำแนวคิด เพื่อให้เกิดสติปัญญาค่ะ
ขอบพระคุณค่ะ
ขออนุโมทนาครับ