[เล่มที่ 70] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๑ - หน้าที่ 222
พระพุทธเจ้าผู้ทรงครอบงำสิ่งทั้งปวง มีสาวกชื่อว่านันทะ เรากล่าวตู่พระสาวกชื่อว่านันทะนั้น จึงได้ท่องเที่ยวไปใน นรก สิ้นกาลนาน. เราท่องเที่ยวไปในนรกตลอดกาลนานถึงหมื่นปี ได้ความ เป็นมนุษย์แล้ว ได้รับการกล่าวตู่มากมาย. เพราะกรรมที่เหลือนั้น นางจิญจมาณวิกาได้กล่าวตู่เรา ด้วยคำอันไม่เป็นจริงต่อหน้าหมู่ชน. ในชาติอื่นๆ ในครั้งก่อน เราเป็นนักเลงชื่อว่ามุนาฬิ ได้ กล่าวตู่พระสุรภิปัจเจกพุทธเจ้าผู้ไม่ประทุษร้าย. เพราะวิบากของกรรมนั้น เราจงท่องเที่ยวไปในนรกสิ้น กาลนาน เสวยทุกขเวทนาหลายพันปี. ด้วยเศษกรรมที่เหลือนั้น ในภพสุดท้ายนี้ เราจึงได้รับ การกล่าวตู่ เพราะเหตุแห่งนางสุนทรี เราเป็นพราหมณ์เรียนจบแล้ว เป็นผู้อันมหาชนสักการะ บูชา ได้สอนมนต์กะมาณพ ๕๐๐ คนในป่าใหญ่.
พระฤๅษีผู้กล้า สำเร็จอภิญญา ๕ มีฤทธิ์มาก มาในที่นี้ นั้น และเราได้เห็นพระฤๅษีนั้นมาแล้ว ได้กล่าวตู่ว่าท่านผู้ไม่ ประทุษร้าย. แต่นั้น เราได้บอกกะศิษย์ทั้งหลายว่า ฤๅษีนี้เป็นผู้บริโภค กาม แม้เมื่อเราบอกอยู่ มาณพทั้งหลายก็พลอยยินดีตาม. แต่นั้น มาณพทุกคนเที่ยวภิกขาไปทุกๆ ตระกูล ก็บอก กล่าวแก่มหาชนว่า ฤๅษีนี้บริโภคกาม เพราะวิบากของกรรมนั้น ภิกษุ ๕๐๐ รูปนี้จึงได้รับการ กล่าวตู่ด้วยกันทั้งหมด เพราะเหตุแห่งนางสุนทรี. เมื่อชาติก่อน เราฆ่าน้องชายต่างมารดา เพราะเหตุแห่ง ทรัพย์ เราใส่ลงในซอกหิน และบดขยี้ด้วยหิน เพราะวิบากของกรรมนั้น พระเทวทัตจึงกลิ้งหิน ก้อนหิน บดขยี้นิ้วหัวแม่เท้าของเรา ในกาลก่อน เราเป็นเด็กเล่นอยู่ที่หนทางใหญ่ เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้าในหนทาง จึงขว้างสะเก็ดหินใส่. เพราะวิบากของกรรมนั้น ในภพหลังสุดนี้ พระเทวทัต จึงประกอบนายขมังธนูเพื่อฆ่าเรา. ฯลฯ
ขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น