ชวนวิถีวิตเป็นไปโดยปัจจัย
โดย บ้านธัมมะ  28 ก.พ. 2551
หัวข้อหมายเลข 7596

การที่ชวนวิถีจิตเกิดดับเสพอารมณ์ซ้ำถึง ๗ ขณะนั้นเป็นไปโดยปัจจัย คือ
ชวนวิถีจิตขณะที่ ๑ เป็น อาเสวนปัจจัย ให้ชวนวิถีจิตขณะที่ ๒ เกิดขึ้นเสพอารมณ์นั้นซ้ำอีก และชวนวิถีจิตขณะที่ ๒ ก็เป็นอาเสวนปัจจัยให้ชวนวิถีจิตขณะที่ ๓ เกิดขึ้นเสพอารมณ์นั้นซ้ำอีกเรื่อยไป จนถึงชวนวิถีจิตขณะที่ ๗ จึงไม่เป็นอาเสวนปัจจัย
อาเสวนจจัย คือ อกุศลชวนวิถีจิต กุศลชวนวิถีจิต หรือกิริยาชวนวิถีจิตที่ทำให้จิตชาติเดียวกันเกิดขึ้น ทำชวนกิจซ้ำอีก จึงมีกำลังทำให้อกุศลจิตและกุศลจิตเป็นกัมมปัจจัยให้วิบากจิตซึ่งเป็นผลเกิดขึ้นในอนาคต และเป็นอุปนิสสยปัจจัย ให้อกุศลชวนวิถี และกุศลชวนวิถี และกิริยาชวนวิถี เกิดขึ้นอีกในอนาคต การสั่งสมอกุศลประเภทต่างๆ มากมายหนาแน่นพอกพูนขึ้นนั้น ทำให้ทันทีที่ลืมตาขึ้นเห็นแล้วก็หลงเลย ขณะที่เป็นภวังคจิตนั้นไม่รู้อารมณ์ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ เพราะถ้าคิดนึกหรือฝันก็เป็นมโนทวารวิถีจิต ไม่ใช่ภวังคจิต
ฉะนั้น ตลอดเวลาที่เป็นภวังคจิตนั้นไม่รู้อารมณ์ใดๆ ของโลกนี้เลย โลกนี้ไม่ปรากฏเลย แต่แม้กระนั้นในขณะนั้นก็มีอนุสัยกิเลส ไม่ใช่ว่าเมื่อไม่รู้อารมณ์ใดๆ ในโลกนี้แล้วจะไม่มีกิเลสทั้งนี้เพราะกิเลสมี ๓ ขั้น คือ

อนุสัยกิเลส เป็นกิเลสอย่างละเอียดที่สะสม นอนเนื่องอยู่ในจิต

ปริยุฏฐานกิเลส เป็นกิเลสอย่างกลางที่เกิดร่วมกับชวนวิถีจิต

วีติกกมกิเลส เป็นกิเลสอย่างหยาบที่เกิดร่วมกับชวนวิถีจิต

ฉะนั้น แม้จิตซึ่งไม่ใช่ชวนวิถีจิตก็มีอนุสัยกิเลส เว้นจิตของพระอรหันต์เท่านั้นที่ไม่มีกิเลสใดๆ เลยทั้งสิ้น

ฉะนั้น ให้ทราบว่า ขณะใดที่วิถีจิตเกิดขึ้นเห็นสิ่งที่ปรากฏทางตา ได้ยินเสียงที่ปรากฏทางหู ได้กลิ่นทางจมูก ลิ้มรสทางลิ้น กระทบสัมผัส โผฏฐัพพะทางกาย หรือคิดนึกเรื่องราวต่างๆ ทางใจ ขณะนั้นชวนวิถีจิตก็สั่งสมสันดานตนเพิ่มขึ้น ทั้งที่เป็นอกุศลและกามาวจรกุศล และกามาวจรกิริยาชวนวิถี

ดาวน์โหลดหนังสือ --> ปรมัตถธรรมสังเขป



ความคิดเห็น 1    โดย chatchai.k  วันที่ 5 เม.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ