การรักษาศีลเพียงอย่างเดียวไม่สามารถตรัสรู้ตามพระพุทธองค์ใช่ไหมครับ แต่ต้องอบรมเจริญาปัญญาร่วมด้วยหรือเปล่าครับ
การตรัสรู้ตามพระพุทธองค์ต้องอาศัยการอบรมเจริญบารมีทั้ง ๑๐ ประการ บารมีที่ สำคัญที่สุดคือ ปัญญาบารมี แต่มีเพียงปัญญาอย่างเดียวก็ไม่ได้ ต้องอาศัย ทาน ศีล เนกขัมมะ วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตา อุเบกขา ถ้าขาดอย่างใดอย่าง หนึ่งก็ถึงพระนิพพานไม่ได้ เมื่อกล่าวโดยนัยของสิกขาที่เป็นคำสอนของพระพุทธองค์ คือ อธิศีลสิกขา อธิจิตตสิกขา และ อธิปัญญาสิกขา ต้องอบรมสิกขาทั้งสามจน บริบูรณ์จึงตรัสรู้ตามพระพุทธองค์ได้
เชิญคลิกอ่านที่นี่...
กิจที่ต้องทำคือสิกขา 3 [สมณสูตร]
พระพุทธเจ้ากว่าจะตรัสรู้ต้องบำเพ็ญบารมีถึง 30 ทัศ บารมี 10 เช่น ทานบารมี การสละทรัพย์สมบัติ เป็นต้น อุปบารมี 10 เช่น บริจาคอวัยวะบุตร ภรรยา ดวงตา เป็นต้น ปรมัตถบารมี 10 เช่น ตอนที่พระโพธิสัตว์เป็นกระต่ายสละชีวิต (การที่จะเป็นพระพุทธเจ้าไม่ใช่ของง่ายต้องบำเพ็ญบารมีนานถึง 4 อสงไขยแสนกัปป์)
ต้องเข้าใจคำว่า ศีลคืออย่างไร อธิศีลคืออย่างไร
ศีล ก็หมายถึง เจตนา งดเว้นทางกาย วาจา เช่น งดเว้น การฆ่าสัตว์
ศีล หมายถึง เจตสิก เช่น วิรตีเจตสิก ที่งดเว้นการ ฆ่าสัตว์ เช่น สัมมากัมมันตะ เจตสิก
ศีล ตามที่เราเข้าใจ เช่น งดเว้นการฆ่าสัตว์ โดยที่ไม่ประกอบด้วยปัญญา ขั้นวิปัสสนาขณะนั้น ดับกิเลสไม่ได้ แม้ศาสนาอื่นเขาก็มีศีลอย่างนั้น
อธิศีล ศีลที่ยิ่ง เป็นศีลที่สามารถดับกิเลสได้ หมายความว่า เป็นเจตสิกหนึ่ง ใน
มรรค คือ เป็นสัมมากัมมันตะ สัมมาวาจา เป็นต้น ซึ่งขณะนั้นก็มี สัมมาทิฏฐิ เกิดร่วมด้วย (อธิปัญญา) และมีสัมมาสมาธิเกิดร่วมด้วย (อธิจิต) ดังนั้น ที่เราเข้าใจผิดคิดว่า จะต้องทำศีลให้บริบูรณ์ก่อน แล้วก็อบรมสมาธิ ต่อด้วยปัญญา แต่จริงๆ แล้ว สภาพ ธัมมะเขาเกิดพร้อมกัน คือ ทั้งอธิศีล (สัมมากัมมันตะ สัมมาวาจา สัมมาอาชีวะ) อธิจิต (สัมมาวายามะ สัมาสติ สัมมาสมาธิ อธิปัญญา (สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ) ไม่ต้อง ไปทำเป็นลำดับ เขาเกิดพร้อมกันอยู่แล้ว เช่น ขณะสติปัฏฐานเกิด ก็มีทั้ง อธิศีล อธิจิต อธิปัญญา เพราะเป็นไปกับการเจริญวิปัสสนา จึงเป็นอธิ (ยิ่ง)
ดังนั้น ต้องเข้าใจให้ถูกว่า ศีลที่จะดับกิเลสได้ ต้องเป็น อธิศีล ซึ่งเป็นไปใน วิปัสสนาเท่านั้น และเกิดพร้อมกับ อธิจิต และอธิปัญญา ไม่ใช่ไปทำเป็นลำดับครับ