[เล่มที่ 26] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้า 387
๒. ทุติยสมณพราหมณสูตร - ๑๑. เอกาทสมสมณพราหมณสูตร
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 26]
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้า 387
๒. ทุติยสมณพราหมณสูตร - ๑๑. เอกาทสมสมณพราหมณสูตร
[๓๐๘] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี. ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมาแล้วตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่งไม่รู้ชาติ ฯลฯ ไม่รู้ภพ... ไม่รู้อุปาทาน... ไม่รู้ตัณหา... ไม่รู้เวทนา... ไม่รู้ผัสสะ... ไม่รู้สฬายตนะ... ไม่รู้นามรูป... ไม่รู้วิญญาณ... ไม่รู้สังขาร... ไม่รู้เหตุเกิดสังขาร ไม่รู้ความดับสังขาร ไม่รู้ปฏิปทาอันให้ถึงความดับสังขาร สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้น ย่อมไม่ได้รับสมมติว่าเป็นสมณะในหมู่สมณะ หรือไม่ได้รับสมมติว่าเป็นพราหมณ์ในหมู่พราหมณ์ อนึ่ง ท่านเหล่านั้นจะทำให้แจ้งซึ่งประโยชน์แห่งความเป็นสมณะ หรือประโยชน์แห่งความเป็นพราหมณ์ ด้วยปัญญาอันรู้ยิ่งด้วยตนเองในปัจจุบันเข้าถึงอยู่ไม่ได้.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ส่วนสมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ย่อมรู้ชาติ ฯลฯ ย่อมรู้ภพ... ย่อมรู้อุปาทาน... ย่อมรู้ตัณหา... ย่อมรู้เวทนา... ย่อมรู้ผัสสะ... ย่อมรู้สฬายตนะ... ย่อมรู้นามรูป... ย่อมรู้วิญญาณ... ย่อมรู้สังขาร ย่อมรู้เหตุเกิดแห่งสังขาร ย่อมรู้ความดับแห่งสังขาร ย่อมรู้ปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งสังขาร สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้น ย่อมได้รับสมมติว่าเป็นสมณะในหมู่สมณะ และย่อมได้รับ
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้า 388
สมมติว่าเป็นพราหมณ์ในหมู่พราหมณ์ อนึ่ง ท่านเหล่านั้น ย่อมทำให้แจ้งซึ่งประโยชน์แห่งความเป็นสมณะ และประโยชน์แห่งความเป็นพราหมณ์ ด้วยปัญญาอันรู้ยิ่งด้วยตนเองในปัจจุบันเข้าถึงได้อยู่.
จบทุติยสมณพราหมณสูตร ถึงเอกาทสมสมณพราหมณสูตร
จบสมณพราหมณวรรคที่ ๘
หัวข้อแห่งสมณพราหมณวรรคที่ ๘... พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสปัจจยาการ ๑๑ โดยจำแนกอริยสัจ ๔ ในปัจจยาการหนึ่งๆ [ว่าเป็นสูตรหนึ่งๆ].
หัวข้อแห่งวรรค:-
๑. พุทธวรรค
๒. อาหารวรรค
๓. ทสพลวรรค
๔. กฬารขัตติยวรรค
๕. คหปติวรรค
๖. ทุกขวรรค
๗. มหาวรรค
๘. สมณพราหมณวรรค.
อรรถกถาสมณพราหมณวรรคที่ ๘
ในสมณพราหมณวรรค ท่านแบ่งบทหนึ่งๆ ในชราและมรณะเป็นต้นออกเป็นสูตรหนึ่งๆ รวมเป็น ๑๑ สูตร มีเนื้อความง่ายทั้งนั้นแล.
จบอรรถกถาสมณพราหมณวรรคที่ ๘