มีบางคนชอบบังคับให้ผู้อื่นเข้าสมาธิ ถ้าใครไม่สนใจก็โกรธหรือไม่พอใจ นั่นแสดงว่า คนนั้นยังเข้าไม่ถึงธรรมหรือเปล่า และการเข้าสมาธิเป็นการเข้าถึงธรรมหรือเปล่า
วิปัสสนา คือปัญญาที่ประจักษ์แจ้ง ลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏตามความเป็นจริง ไม่ใช่หลับตาเห็น นรก สวรรค์หรือกระทำอิทธิปาฏิหารย์ต่างๆ ฉะนั้น การปฏิบัติอบรมเจริญวิปัสสนา จึงเป็นเรื่องละเอียด เป็นเรื่องใหญ่และเป็นเรื่องยาก แต่ว่าเป็นการอบรมเจริญปัญญาที่สามารถทำให้ผู้ปฏิบัติได้เข้าถึงธรรมจริงๆ
ฉะนั้น ที่ถามว่า การเข้าสมาธิ เป็นการเข้าถึงธรรมหรือเปล่านั้น ถ้าเป็นสมาธิที่ถูกต้อง ก็เป็นการเข้าถึงธรรมขั้นสมาธิ ที่ถามว่า บางคนชอบบังคับให้คนอื่นเข้าสมาธิ ถ้าใครไม่สนใจก็โกรธหรือไม่พอใจนั้น แสดงว่าคนนั้นยังเข้าไม่ถึงธรรมหรือเปล่า
บังคับให้คนอื่นไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลงได้ไหม ถ้าได้ จึงจะไปบังคับให้คนอื่นเข้าสมาธิ ในพระพุทธศาสนา การปฏิบัติธรรมไม่ใช่การบังคับ แม้แต่การรักษาศีล การสมาทานสิกขาบท ก็เป็นเจตนาของผู้ที่จะประพฤติตามสิกขาบท ต้องการวิรัติทุจริตด้วยความสมัครใจ ในพระพุทธศาสนาไม่มีการบังคับเลย
แม้แต่การให้ทาน การมีศรัทธารักษาศีล ก็เป็นกุศล เจตนาของผู้ที่ต้องการจะขัดเกลากิเลสของตนเองด้วยการประพฤติอย่างนั้น ฉะนั้น จึงไม่มีการบังคับใครให้เข้าสมาธิ และถ้าใครไม่สนใจก็โกรธ หรือไม่พอใจก็แสดงว่าผู้นั้นยังไม่เข้าถึงธรรม
ควรทราบว่าผู้เข้าถึงธรรมย่อมประจักษ์ความเป็นอนัตตา จึงไม่คิดที่จะบังคับให้คนอื่นหมดกิเลส แต่จะแสดงเรื่องของสภาพธรรมให้บุคคลอื่นได้เข้าใจชัดเจน และแสดงหนทางประพฤติปฏิบัติให้คนอื่นเกิดศรัทธาที่จะประพฤติปฏิบัติธรรมยิ่งขึ้น ในพระพุทธศาสนา ไม่มีการบังคับให้ใครหมดกิเลส แม้พระผู้มีพระภาคเองก็ทรงแสดงธรรม เพื่อให้ผู้ฟังพิจารณาไตร่ตรอง และประพฤติปฏิบัติ ตามกำลังศรัทธาและปัญญาเท่าที่สามารถจะกระทำได้
ขอเชิญอ่านตอนต่อไป ...
การเข้าสมาธิ เป็นการเข้าถึงธรรมหรือเปล่า (๑)
การเข้าสมาธิ เป็นการเข้าถึงธรรมหรือเปล่า (๒)
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ
อนุโมทนาสำหรับ บทความครับ