โดยมากเข้าใจว่าตายแล้วเป็นผี แต่ความจริงนั้น ทันทีที่จุติ คือจิตขณะสุดท้ายทำกิจเคลื่อนจากความเป็นบุคคลนั้นดับ ปฏิสนธิจิต คือจิตขณะแรกของชาติต่อไป ก็เกิดสืบต่อทันที ไม่มีระหว่างคั่น แล้วแต่ว่าปฏิสนธินั้นเป็นผลของกรรมใด ที่ทำให้เกิดในภพภูมิใด ถ้าเกิดในนรกก็ไม่มีใครมองเห็น เมื่อไม่เห็นสัตว์นรกก็กล่าวว่าไม่เห็นผี แต่ถ้าเกิดในภูมิที่สามารถจะปรากฏกายให้เห็นได้ คือ ขณะที่เป็นบุคคลที่ตายไป แล้วปรากฏร่างเหมือนที่เคยมีชีวิตอยู่ ก็เข้าใจว่าเห็นผี ความจริงเทวดาก็ปรากฏให้เห็นได้เหมือนกัน แต่ไม่ทราบว่าจะเรียกว่าผีหรือเปล่า หรือจะเรียกว่าผี เฉพาะผู้ที่ตายแล้วเกิดเป็นเปรตและอสุรกายเท่านั้น
จากหนังสือ บทบาท อ.สุจินต์ ในการเผยแผ่พุทธธรรม
โดย พระธนนาถ นิธิปญฺโญ
คนเราตายแล้วเกิดทันทีก็แล้วแต่ผลของกรรมทีทำให้เขาเกิดเป็นอะไรการที่เห็นเป็นผีแต่จริงๆ เขาเปลี่ยนภพภูมิเช่นเขาเกิดเป็นเปรตมาขอส่วนบุญ หรือเขาเกิดเป็นเทวดา คนไทยเรียกว่าผี แต่ภาษาธรรมะเรียกว่าอมนุษย์แปลว่าไม่ใช่มนุษย์ค่ะ
กลัวผีมาก....แย่จัง
คือผมมีแนวคิดอย่างนี้ครับก็ในเมื่อเรา ไม่มี ตัวรับรู้ ที่จะไปรู้ว่ามีผีได้และผีก็ไม่ปรากฎแก่เราคือไม่มากระทบอายตนของเรา ดังนั้นผีเลยไม่มีอยู่สำหรับเราคิดอย่างนี้เข้าข้างตัวเองไปหรือเปล่าครับ :-)
สิ่งที่มีจริงไม่ใช้ชื่อเรียกหรือจะเรียกว่าอะไรก็มีจริงไม่อาจเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้ภพภูมิต่างๆ มีจริงตามที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ ถึงแม้เราจะมองไม่เห็น
ขออนุโมทนา
ไม่ต้องถึงกับผีหรอกครับ แค่ไปอยู่ในที่มืด ก็ยังเป็นปัจจัยให้"อกุศลเจตสิก"ปรุงแต่ง "จิต" ให้คิดเตลิดไปต่างๆ นาๆ ทางที่ดี ก็ไม่ควรจะดูหนังผีมากไปจะเป็นการดีกว่า ครับ
จากการศึกษา หากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัส ว่ามีก็ต้องมีบางสิ่งมองเห็น บางสิ่งมองไม่เห็นแต่ที่สำคัญ คือในขณะนี้ มีสิ่งที่ปรากฏทางตาเห็นแล้ว ปัญญารู้อะไร
Anumotana ka.
ฟังธรรม ศึกษาธรรมอย่างละเอียดและเข้าใจ เป็นพหูสูต การอบรมเจริญเมตตา มีไมตรีจิตเสมอ การได้เผชิญเหตุการณ์ที่น่ากลัวบ่อยๆ การอยู่ลำพัง อาจเป็นปัจจัยหนึ่งให้หายกลัวผีได้
ขออนุโมทนาครับ