บทว่า เอตํ มม (นั่นของเรา) เป็นทิฏฐิมีความสำคัญ เพราะตัณหาเป็นมูล
บทว่า เอโสหมสฺมิ (เราเป็นนั่น) เป็นทิฏฐิมีความสำคัญ เพราะมานะเป็นมูล
บทว่า เอโส เม อตฺตา (นั่นเป็นตัวตนของเรา) มีความสำคัญ เพราะทิฏฐินั่นเอง
สั้นๆ แต่ยากและลึกซึ้ง เพื่อให้เพียรพิจารณา
ขออนุโมทนาค่ะ
"ตัณหา ทิฏฐิ และมานะ" เป็นสามเกลอหัวแข็งจริงๆ ครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ขออนุญาตเรียนเสริมประเด็นตามความเห็นส่วนตัว ดังนี้ครับ (หากว่าผิดพลาดประการใด ขอความกรุณาช่วยชี้้แนะด้วยครับ)
ความเห็นผิดที่มีในชีวิตประจำวันของเรา บางครั้งเกิดเพราะมีความมีติดข้องเป็นมูล เป็นปัจจัยให้เห็นผิดว่า สิ่งที่พอใจติดข้องนั้น เป็นของๆ เรา (จริงๆ) ทั้งๆ ที่สิ่งนั้นมาตามเหตุปัจจัยปรุงแต่ง เกิดแล้วก็ดับไป เป็นของชั่วคราว
บางครั้งความเห็นผิดก็มีความสำคัญตนเป็นมูล แม้ว่าไม่เกิดพร้อมกันกับความเห็นผิด แต่เป็นปัจจัยให้เกิดความเห็นผิดว่า เราเป็นคนนั้น เราเป็นอย่างนั้น เรามีสิ่งนั้นในตัวคืออาศัยสิ่งที่มาตามเหตุปัจจัย ให้สำคัญตน แล้วยึดถือด้วยความเข้าใจผิดบางครั้งความเห็นผิดก็เกิดจากการสะสมทิฏฐิก่อนๆ มาแล้วในแสนโกฏิกัปป์ จึงเห็นผิดว่าสิ่งนั้นเป็นตัวตนของเรา ไม่เห็นว่าธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ความเห็นผิดนี้เหนียวแน่นจริงๆ ครับ มีทุกวัน แต่ลึกซึ้ง จึงเห็นยาก ต้องอบรมปัญญากันต่อไปนะครับ ขอให้ทุกท่านอาจหาญ ร่าเริง
ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาคุณหมอมากครับ
ขอบพระคุณและอนุโมทนาคุณ chaiyut และทุกท่านมากครับ
เป็นการแสดงความคิดเห็นที่ดีมากครับ ผมไม่มีโอกาสสนทนาธรรม ไม่ได้แสดงธรรม ในชีวิตประจำวัน ดังนั้น ความรู้น้อย ศึกษาธรรมเพื่อ ไม่ใช่เรา เป็นเป้าหมายในการฟังธรรมของผม เรา เป็นความเห็นผิด (ทิฏฐิ) ที่จะต้องอบรมเจริญปัญญาเพื่อละก่อนอกุศลอื่นๆ
ดังนั้น ผมชอบพิจารณาและอบรมเจริญสติปัฏฐานเนืองๆ บ่อยๆ เพื่อเข้าใจ
บทว่า เอตํ มม (นั่นของเรา) เป็นทิฏฐิมีความสำคัญ เพราะตัณหาเป็นมูล
บทว่า เอโสหมสฺมิ (เราเป็นนั่น) เป็นทิฏฐิมีความสำคัญ เพราะมานะเป็นมูล
บทว่า เอโส เม อตฺตา (นั่นเป็นตัวตนของเรา) มีความสำคัญ เพราะทิฏฐินั่นเอง
และเพื่อ เจริญ "นั่นไม่ใข่ของเรา เราไม่เป็นนั่น นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา" เมื่อไม่ใช่เราแล้วเป็นอะไร ก็เป็น ธรรม หรือเป็น นามธรรม เป็น รูปธรรม เกิดความ อาจหาญ ร่าเริง
ได้อ่านความเห็นของคุณหมอแล้ว
"อาจหาญ ร่าเริง"
ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
(ความรู้ที่ผมมีก็น้อยมากๆ เช่นกันครับ ต้องอบรมต่อไปเรื่อยๆ ...แต่ทุกวันที่ได้ค่อยๆ เข้าใจธรรมขึ้น ก็ค่อยๆ มีความอาจหาญ ร่าเริงเพิ่มขึ้น
อาจหาญ ร่าเริงที่ได้เห็นถูกว่า ทั้งชีวิตมีแต่ธรรม คือ นามธรรม กับ รูปธรรมครับ)
ขอบพระคุณและอนุโมทนาครับ
เราสนทนากันไปเรื่อยๆ อาจช่วยให้เข้าใจพระธรรมมากขึ้น
ท่านอาจารย์ย้ำเกือบตลอดเวลาว่า "ทุกอย่างเป็นธรรม"
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ ทุกๆ ความคิดเห็นอ่านแล้วเป็นประโยชน์เพื่อน้อมพิจารณา.. แต่ความเป็นเราเหนียวแน่น พอกอยู่..ยาก...ค่ะ..
ขอบพระคุณ...
ขออนุโมทนาครับ