[เล่มที่ 48] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 317
๑. อิตถิวิมานวัตถุ
ปาริฉัตตกวรรคที่ ๓
๙. วิสาลักขิวิมาน
ว่าด้วยวิสาลักขิวิมาน
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 48]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 317
๙. วิสาลักขิวิมาน
ว่าด้วยวิสาลักขิวิมาน
สมเด็จอมรินทราธิราชตรัสถามนางสุนันทาเทพธิดาว่า
[๓๗] ดูก่อนแม่เทพธิดาผู้มีในตางาม เธอชื่อไร ได้ทำกรรมอะไรไว้ จึงได้มีหมู่นางฟ้าแวดล้อมเป็นบริวาร เดินวนเวียนอยู่รอบๆ ในสวนจิตรลดาอันน่ารื่นรมย์ ในคราวที่พวกเทวดาชั้นดาวดึงส์ล้วนแต่ขึ้นม้า ขึ้นรถ ตกแต่งร่างกายวิจิตรงดงาม เข้าไปยังสวนนั้นแล้ว จึงมาในที่นี้ แต่เมื่อพอเธอมาถึงในที่นี้ กำลังเที่ยวชมสวน รัศมีก็สว่างไสวไปทั่วจิตรลดาวัน โอภาสของสวนมิได้ปรากฏ รัศมีของเธอมาข่มเสีย ดูก่อนแม่
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 318
เทพธิดา ฉันถามเธอแล้ว ขอเธอจงบอกว่า นี้เป็นผลแห่งกรรมอะไร.
นางสุนันทาเทพธิดาผู้เป็นอัครชายาทูลตอบว่า
ขอเดชะ ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมเทพ ผู้ทรงบำเพ็ญทานมาแต่เก่าก่อน รูปอันสวยงาม คติ ฤทธิ์ และอานุภาพของหม่อมฉัน ย่อมมีได้ด้วยกรรมอันใด ขอพระองค์จงทรงสดับกรรมอันนั้น หม่อมฉันเป็นอุบาสิกามีนามว่าสุนันทา อยู่ในกรุงราชคฤห์อันน่ารื่นรมย์ ถึงพร้อมด้วยศรัทธาและศีล ยินดีในการจำแนกทานทุกเมื่อ คือหม่อมฉันมีจิตเลื่อมใสในท่านผู้ประพฤติตรง จึงได้ถวายผ้านุ่งห่ม ภัตตาหาร เสนาสนะและประทีป ทั้งได้รักษาอุโบสถอันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ ตลอด ๑๔ ค่ำ ๑๕ ค่ำ และ ๘ ค่ำแห่งปักษ์ และตลอดปาฏิหาริยปักษ์ เป็นผู้สำรวมอยู่ในศีล ๕ เป็นนิตย์ คือเว้นจากการฆ่าสัตว์ ระวังจากการพูดเท็จ จากการเป็นขโมย จากการประพฤตินอกใจ ไกลจากการดื่นน้ำเมา เป็นผู้ฉลาด ในอริยสัจจธรรม เป็นอุบาสกของพระโคดมผู้มีจักษุ ผู้มียศ ทาสีจากตระกูลญาติของหม่อมฉัน นำดอกไม้มาให้ทุกวัน หม่อมฉันได้บูชาที่สถูปของพระผู้มีพระภาคเจ้าทุกวัน.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 319
อนึ่ง ในวันอุโบสถ หม่อมฉันมีใจเลื่อมรสได้ถือเอาดอกไม้ของหอม และเครื่องลูบไล้ไปบูชาพระสถูปด้วยมือของตนเอง.
ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมเทพ รูป คติ ฤทธิ์ และอานุถาพเช่นนี้ มีขึ้นแก่หม่อมฉันเพราะกรรมนั้น มิใช่ว่าผลที่หม่อมฉันบูชาพระสถูปด้วยพวงมาลัย และที่หม่อมฉันได้รักษาศีลจะให้ผลเท่านั้นก็หามิได้ ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมเทพ หม่อมฉันยังได้เป็นพระสกทาคามีตามความหวังของหม่อมฉันอีกด้วย.
จบวิสาลักขิวิมาน
อรรถกถาวิสาลักขิวิมาน
วิสาลักขิวิมาน มีคาถาว่า กา นาม ตฺวํ วิสาลกฺขิ ดังนี้ เป็นต้น. วิสาลักขิวิมานนั้นเกิดขึ้นอย่างไร?
เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จปรินิพพานแล้ว พระเจ้าอชาตสัตตุทรงรับพระบรมสารีริกธาตุของพระผู้มีพระภาคเจ้า ที่พระองค์ได้รับมาสร้างพระสถูป และฉลองในกรุงราชคฤห์ ลูกสาวช่างทำดอกไม้คนหนึ่งอยู่กรุงราชคฤห์ ชื่อสุนันทา เป็นอุบาสิกา เป็นอริยสาวิกา บรรลุโสดาบัน ได้สั่งพวงมาลัยและของหอมเป็นอันมากที่ส่งมาจากเรือนของบิดา ทำการบูชาพระเจดีย์ทุกๆ วัน. ทุกวันอุโบสถนางได้ไปทำการบูชาด้วยตนเอง.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 320
ต่อมานางมีโรคอย่างหนึ่งเบียดเบียนถึงแก่กรรม ได้ไปเกิดเป็นบริจาริกาของท้าวสักกเทวราช. วันหนึ่งนางได้เข้าไปยังสวนจิตรลดากับท้าวสักกะจอมเทพ. ณ ที่นั้น รัศมีของทวยเทพเหล่าอื่นถูกรัศมีของดอกไม้เป็นต้นกำจัด มีสีวิจิตรตระการตายิ่งนัก. แต่รัศมีของเทพธิดาสุนันทามิได้ถูกรัศมีดอกไม้เหล่านั้นครอบงำ คงอยู่เหมือนเดิม. ท้าวสักกเทวราชทรงเห็นดังนั้น มีพระประสงค์จะรู้สุจริตกรรมที่เทพธิดานั้นทำมา จึงได้สอบถามด้วยคาถาเหล่านี้ว่า
ดูก่อนแม่เทพธิดาผู้มีตางาม เธอชื่อไร จึงได้มีหมู่นางฟ้าแวดล้อม เดินวนเวียนอยู่รอบๆ ในสวนจิตรลดาอันน่ารื่นรมย์ ในคราวที่พวกเทวดาชั้นดาวดึงส์ ล้วนแต่ขึ้นน้ำขึ้นรถตกแต่งร่างกายงดงาม เข้าไปยังสวนนั้นแล้วจึงมาในที่นี้.
แต่เมื่อเธอมา พอมาถึงที่นี้กำลังเที่ยวในสวน รัศมีก็สว่างไสวไปทั้งสวนจิตรลดา แสงสว่างของสวนมิได้ปรากฏ รัศมีของเธอมาข่มเสีย ดูก่อนแม่เทพธิดา ฉันถามเธอแล้ว ขอเธอจงบอกว่า นี้เป็นผลของกรรมอะไร.
ในบทเหล่านั้น บทว่า กา นาม ตฺวํ คือ ในอัตภาพก่อน เธอชื่ออะไร. อธิบายว่า สมบัติคืออานุภาพเช่นนี้ของเธอได้มีขึ้นเพราะทำความดีไว้ ณ ที่ใด. บทว่า วิสาลกฺขิ คือ ผู้มีตางาม.
บทว่า ยทา คือ ในกาลใด. บทว่า อิมํ วนํ ได้แก่ ใกล้สวน
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 321
นี้มีชื่อว่า จิตรลดาวัน. บทว่า จิตฺรา โหนฺติ ได้แก่ ชื่อว่ามีลักษณะสวยงาม เพราะถึงพร้อมด้วยความวิเศษแม้จากแสงสว่างตามปกติของเครื่องประดับสรีระและผ้าเป็นต้นของตนโดยเคล้ากับรัศมีอันวิจิตรในสวนจิตรลดานี้. บทว่า อิธาคตา ได้แก่ มา คือ ถึงพร้อมกันในที่นี้ หรือว่าเป็นเหตุแห่งการมาถึงในที่นี้.
บทว่า อิธ ปตฺตาย คือ เมื่อเทพธิดาเข้ามาถึงที่นี้. บทว่า เกน รูปํ ตเวทิสํ ความว่า เพราะเหตุไร รูป คือ สรีระของเธอจึงเป็นเช่นนี้ คือมีรูปอย่างนี้. อธิบายว่า รูปของเธอข่มรัศมีสวนจิตรลดาจนหมด.
ครั้นท้าวสักกะตรัสถามอย่างนี้แล้ว เทพธิดานั้นจึงได้ตอบด้วยคาถาเหล่านี้ว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมเทพผู้ทรงบำเพ็ญทานมาแต่กาลก่อน รูป คติ ฤทธิ์ และอานุภาพของหม่อมฉันมีขึ้นด้วยกรรมใด ขอพระองค์จงทรงสดับกรรมนั้นเถิด.
หม่อมฉันชื่อสุนันทา เป็นอุบาสิกาอยู่ในกรุงราชคฤห์อันน่ารื่นรมย์ ถึงพร้อมด้วยศรัทธาและศีล ยินดีในการแจกจ่ายทานทุกเมื่อ หม่อมฉันมีใจเลื่อมใสในท่านผู้ประพฤติตรง จึงได้ถวายผ้านุ่งห่ม ภัตตาหาร เสนาสนะ และประทีป ทั้งได้รักษาอุโบสถอันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ ตลอด ๑๔ ค่ำ ๑๕ ค่ำ และ ๘ ค่ำ แห่งปักษ์ และตลอดปาฏิหาริยปักษ์
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 322
เป็นผู้สำรวมอยู่ในศีล ๕ เป็นนิตย์ คือ เว้นจากการฆ่าสัตว์ เร้นจากการพูดเท็จ จากการเป็นขโมย จากการประพฤตินอกใจ ไกลจากการดื่มน้ำเมา เป็นผู้ฉลาดในอริยสัจจธรรม เป็นอุบาสิกาของพระโคดมผู้มีจักษุ ผู้มียศ ทาสีจากตระกูลญาติของหม่อมฉัน นำดอกไม้มาให้ทุกวัน หม่อมฉันได้บูชาที่สถูปของพระผู้มีพระภาคเจ้าทุกวัน อนึ่ง ในวันอุโบสถหม่อมฉันมีใจเลื่อมใสได้ถือเอาดอกไม้ของหอม และเครื่องลูบไล้ไปบูชาพระสถูปด้วยมือของตนเอง.
ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมเทพ รูป คติ ฤทธิ์ และอานุภาพเช่นนี้มีขึ้นแก่หม่อมฉันเพราะกรรมนั้น มิใช่ว่าผลที่หม่อมฉันได้บูชาพระสถูปด้วยพวงมาลัย และที่หม่อมฉันได้รักษาศีลจะให้ผลเท่านั้นก็หามิได้ ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมเทพ หม่อมฉันยังได้เป็นสกทาคามี ตามความหวังของหม่อมฉันอีกด้วย.
ในบทเหล่านั้น บทว่า คติ ได้แก่ เทวคตินี้ หรือการเกิด. บทว่า อิทฺธิ ได้แก่ เทพฤทธิ์นี้ หรือความสำเร็จสิ่งที่ประสงค์. บทว่า อานุภาโว ได้แก่ อำนาจ. เทพธิดาเรียกท้าวสักกะว่า ปุรินททะ เพราะท้าวสักกะนั้นได้ให้ทานมาในกาลก่อน จึงเรียกว่า ปุรินททะ.
บทว่า าติกุลํ เทพธิดากล่าวหมายถึงเรือนของบิดา. บทว่า
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 323
สทา มาลาภิหารติ ความว่า ทาสีจากตระกูลญาติได้นำดอกไม้มาให้หม่อมฉันทุกๆ วันตลอดเวลา. บทว่า สพฺพเมวาภิโรปยึ ความว่า หม่อมฉันมิได้ใช้ดอกไม้และของอื่นๆ ทุกชนิดมีของหอมเป็นต้น ที่ทาสีนำมาจากเรือนของบิดาเพื่อประดับหม่อมฉันด้วยตนเอง แต่ได้นำไปบูชาพระสถูปของพระผู้มีพระภาคเจ้า. บทว่า อุโปสเถ จหํ คนฺตฺวา ความว่า ในวันอุโบสถหม่อมฉันไปยังที่ตั้งพระสถูป. บทว่า ยํ มาลํ อภิโรปยึ ความว่า ด้วยกรรมที่หม่อมฉันได้บูชาดอกไม้และของหอมที่พระสถูปของพระผู้มีพระภาคเจ้าในครั้งนั้น. โยชนาแก้เป็น เตน กมฺเมน คือ ด้วยกรรมนั้น.
บทว่า น ตํ ตาว วิปจฺจติ ความว่า หม่อมฉันเป็นผู้มีศีล. การรักษาศีลนั้น คือ ศีลที่หม่อมฉันรักษานั้นยังไม่ให้โอกาสที่จะได้ผลด้วยกำลังของบุญอันสำเร็จด้วยการบูชาก่อน คือ ยังไม่เริ่มให้ผล. อธิบายว่าในอัตภาพต่อไป กรรมนั้นจึงจะมีผล.
บทว่า อาสา จ ปน เม เทวินฺท สกทาคามินี สิยํ ความว่า ข้าแต่จอมเทพ ก็ความปรารถนาของหม่อนฉันว่า หม่อมฉันจะพึงเป็นสกทาคานีได้อย่างไรหนอ เป็นความปรารถนาเพื่ออริยธรรม มิใช่ปรารถนาเพื่อภพอันวิเศษ. เทพธิดาแสดงว่า ความปรารถนานั้นยังไม่สำเร็จเหมือนเนยใสที่หุงจากนมส้มตามต้องการ. บทที่เหลือมีนัยนี้เหมือนกัน.
ท้าวสักกะจอมเทพได้ทรงบอกความนั้นแก่ท่านพระวังคีสเถระ ตามนัยที่พระองค์และเทพธิดานั้นกล่าวแล้ว. ท่านพระวังคีสะได้บอกแก่พระ
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 324
มหาเถระทั้งหลายผู้เป็นพระธรรมสังคาหกาจารย์ ครั้งทำสังคายนา. พระมหาเถระเหล่านั้นได้ยกเรื่องนั้นขึ้นสู่การสังคายนา ด้วยประการนั้นเอง.
จบอรรถกถาวิสาลักขิวิมาน