ผมสงสัยว่ารูปเกิดขึ้นได้อย่างไรถ้าไม่มีรูปเกิดขึ้น จิตและเจตสิกก็จะไม่เกิดขึ้น ใช่มั้ยครับ แล้วทำไม ถึงเห็นเป็นวัตถุสิ่งของและแสงสว่างครับ รูปที่ผมหมายถึงคือ สิ่งที่ไม่ใช่สภาพรู้นะครับ แล้วการที่จิตรู้นี่คือการที่จิตรู้ในรูปแล้วเจตสิกคือการปรุงแต่ของจิต เพื่อให้รู้นามธรรม คือผมเข้าใจถูกมั้ยครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระธรรมละเอียดลึกซึ้งอย่างยิ่ง จึงต้องค่อยๆ ฟัง ค่อยๆ ศึกษา สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย แม้แต่คำที่กล่าวคือ คือ รูป จิต และ เจตสิก ก็ต้องตั้งต้นว่าคืออะไร
รูป เป็นสภาพธรรมที่ไม่รู้อะไรเลย ไม่ใช่สภาพรู้ เช่น สี เสียง กลิ่น รส ตา หู จมูก ลิ้น กาย เป็นต้น เป็นสภาพธรรมที่มีจริงๆ รูปเกิดเป็นกลุ่ม รูปแต่ละกลุ่มๆ นั้น เกิดจากสมุฏฐานของตนๆ
จิต เป็นสภาพธรรมที่เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งอารมณ์ (อารมณ์คือสิ่งที่จิตรู้)
เจตสิก เป็นสภาพธรรมที่เกิดประกอบพร้อมกับจิต เกิดร่วมกับจิต ตามควรแก่จิตประเภทนั้นๆ
สภาพธรรมที่เป็นรูป กับ นามธรรม (จิต และเจตสิก) แยกกันเด็ดขาด ไม่ปะปนกัน แต่ความเป็นปัจจัยของสภาพธรรมก็หลากหลาย รูป เป็นปัจจัยแก่จิตและเจตสิก ก็มี จิตเจตสิก เป็นปัจจัยแก่รูป ก็มี ทั้งหมดแสดงถึงความเป็นจริงของสภาพธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัยไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น ยกตัวอย่าง ขณะที่เห็นเกิดขึ้น ก็มีสีที่ปรากฏ มีจิตเห็นคือจักขุวิญญาณและและมีเจตสิกที่เกิดร่วมกับจักขุวิญญาณ อีกทั้งต้องมีที่เกิดของจิตเห็น คือ มีตา หรือ จักขุปสาทรูป เป็นที่เกิดของจิตเห็น ซึ่งกล่าวได้ว่าในขณะนั้น ก็มีทั้งรูป และ นาม คือ ตา และ สีซึ่งเป็นสิ่งที่ปรากฏทางตา เป็นรูปธรรม จิตเห็นและเจตสิกที่เกิดร่วมกับจิตเห็น เป็นนามธรรม เมื่อเป็นธรรม ก็ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใด ครับ
ขอเชิญศึกษาเพิ่มเติมได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ
รูปกับนามอย่างไหนเกิดก่อน
...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ