[เล่มที่ 38] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เล่ม ๕ - หน้า 356
ตติยปัณณาสก์
สมณสัญญาวรรคที่ ๑
๑๑. อเสขสูตร
ว่าด้วยเหตุที่เรียกว่าพระอเสขะ
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 38]
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เล่ม ๕ - หน้า 356
๑๑. อเสขสูตร
ว่าด้วยเหตุที่เรียกว่าพระอเสขะ
[๑๑๑] ครั้งนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ที่เรียกว่า อเสขะๆ ดังนี้ ภิกษุเป็นอเสขะด้วยเหตุเพียงเท่าไรหนอ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า ดูก่อนภิกษุ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ประกอบด้วยความเห็นชอบอันเป็นอเสขะ ๑ ประกอบด้วยความดำริชอบอันเป็นอเสขะ ๑ ประกอบด้วยการเจรจาชอบอันเป็นอเสขะ ๑ ประกอบด้วยการงานชอบ
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เล่ม ๕ - หน้า 357
อันเป็นอเสขะ ๑ ประกอบด้วยการเลี้ยงชีพชอบอันเป็นอเสขะ ๑ ประกอบด้วยความพยายามชอบอันเป็นอเสขะ ๑ ประกอบด้วยการระลึกชอบอันเป็นอเสขะ ๑ ประกอบด้วยความตั้งมั่นชอบอันเป็นอเสขะ ๑ ประกอบด้วยความรู้ชอบอันเป็นอเสขะ ๑ ประกอบด้วยความหลุดพ้นชอบอันเป็นอเสขะ ๑ ดูก่อนภิกษุ ภิกษุย่อมเป็นอเสขะด้วยประการอย่างนี้แล.
จบอเสขสูตรที่ ๑๑
อรรถกถาอเสขสูตรที่ ๑๑
อเสขสูตรที่ ๑๑ พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสสัมมาทิฏฐิอย่างเดียวว่า สัมมาญาณะ เพื่อความบริบูรณ์แห่งองค์มรรค ธรรมคือพระอรหัตแม้ทั้งหมดนั้น ก็เป็นอย่างนั้น. แม้ปัจจเวกขณญาณ ก็ตรัสว่าอเสขะ เพราะอเสขธรรมดำเนินไปแล้ว.
จบอรรถกถาอเสขสูตรที่ ๑๑