เหตุที่สนใจศึกษาพระอภิธรรม ก็มีอยู่ว่า เคยฟังอาจารย์สุจินต์ ในเว็ปบ้านธัมมะ พูดถึงพุทธศาสนา คือ คำสอนของผู้รู้ เพราะ พุทธะ แปลว่า ผู้รู้ แล้วทีนี้ ก็เลยโยงมาว่า ที่ว่ารู้ ผู้รู้นั่น รู้อะไร ที่คนอื่นไม่รู้ ถ้าเราเป็นชาวพุทธจริงๆ ไม่ใช่แต่เปลือก ก็ควรที่จะสนใจศึกษาเพื่อที่จะรู้ตามพระศาสดาให้สมกับที่เป็นสาวกของพระพุทธเจ้าใช่ไหมครับ
ตอนนี้ ผมรู้แล้วว่า ความรู้นั่น คืออะไรครับ นั่นคือ พระอภิธรรม นั่นเองครับ ทำไมผมถึงกล่าวเช่นนั้น เพราะจากที่ศึกษามา ทราบมาว่า คำสอนในทุกศาสนา ส่วนใหญ่ ก็จะคล้ายๆ กัน คือให้ทำดีละชั่ว ในขั้นศีล ธรรมเหมือนๆ กัน ซึ่งยังมีความเป็นตัวตนอยู่ พุทธศาสนา มีจุดเด่นที่ไม่เหมือนใครก็เพราะปฎิเสธความมีตัวตนโดยสิ้นเชิง นั่นก็คือ หลัก อนัตตา ซึ่งเป็นแก่น เป็นเนื้อแท้จริงๆ ของสิ่งที่มีจริงๆ ทั้งปวง ที่ภาษาพระท่านเรืยกว่า ปรมัตถธรรม ครับ และ ในพระอภิธรรม ก็จะกล่าวแต่ เรื่องที่เป็น จิต เจตสิก รูป และนิพพนาน จะไม่มีเรื่องที่กล่าวถึงความเป็นตัวเป็นตน ไม่เป็นเรื่องของบุคคลนั่น บุคคลนี้เลย จึงเป็นแก่นของพุทธศาสนาจริงๆ นะครับผมว่า
พระอภิธรรม อาจจะยากนะครับ แต่ถ้าค่อยๆ ศึกษาไป ผมก็คิดว่าพอจะเข้าใจได้แม้อาจจะใช้เวลา ทราบมาว่า ตอนที่พระพุทธเจ้าตอนที่ทรงตรัสรู้ใหม่ๆ ก็มิประสงค์จะแสดงธรรมนี้ ทันทีเลยทีเดียว ก็ด้วยที่ทรงทราบว่า อภิธรรมนี้เป็นเรื่องยากที่ปุถุชนทั่วๆ ไป จะทำความเข้าใจได้หรือไม่ จนล่วงมาถึง หกพรรษาหลังตรัสรู้ เลยที่เดียวนะครับที่จะทรงแสดงในโลกมนุษย์ โดยคนที่ได้ฟังอภิธรรมเป็นท่านแรก คือใครรู้ไหมครับ ก็คือ ท่านพระสารีบุตรครับ (แต่การแสดงอภิธรรมครั้งแรกนั้น พระองค์แสดง โปรดพุทธมารดาก่อนครับบนสวรรค์) หลังจากนั้น ท่านพระสารึบุตร ก็แสดงต่อให้สาวก 500 รูป ของท่านที่สะสมปัจจัยมาแล้ว ตั้งแต่สมัยที่ทั้ง 500 ท่าน เกิดเป็นค้างคาวในถ้ำแล้ว ได้ยินเสียงสวดพระอภิธรรมของพระกัสปะพุทธเจ้า จะเห็นว่าพระพุทธเจ้า องค์ก่อนๆ ก็รู้พระอภิธรรมเหมือนกันนะครับ ซึ่งพระสาวกทั้ง 500 รูปก็บรรลุอรหัตทั้งหมดครับ รู้ว่ายากนะครับ พระอภิธรรมแต่ก็ไม่ท้อครับ ท้อเมื่อไร เมื่อได้ระลึกถึงคำอาจารย์สุจินต์ ที่เปรียบการเจริญปัญญาเหมือน การจับด้ามมีดที่จะให้มันสึก ก็คิดดูละคับต้องจับบ่อย นานแค่ไหนกว่ามันจะสึก (ปัญญาจะเกิดประจักแจ้ง) นะครับ
ประโยชน์ที่ได้จากการเรียนพระอภิธรรม ถจะมีส่วนเกื้อกูลต่อการเจริญวิปัสสนาในชีวิตประจำวันของเราครับ ที่ถ้าเราฟัง อ. สุจินต์ ในเทป หรือในวิทยุบ่อยๆ จะเห็นได้ว่า อาจารย์ท่านจะเน้นความไม่มีเรา ไม่เป็นเรา เป็นแต่เพียงรูป จิต เจตสิต เท่านั้นในทุกขณะที่ปรากฏ
ขณะฟังอาจารย์ ถ้าจะให้ดีต้องฟังแบบตั้งใจ แล้วนำไปคิดพิจารณาครับ เพราะถ้าเราฟังอย่างตั้งใจขณะนั้น ใจจดจ่อกับสิ่งที่กำลังฟังไม่วอกแวก นั่นก็เป็นสมาธิแล้วครับ โดยที่ไม่ต้องไปนั่งหลับตา แล้วจิตที่สงบในขณะที่ฟังด้วยดีนั่นนะครับ เอามาเป็นกำลัง ช่วยเสริมการเจริญวิปัสสนา ขณะที่ฟัง ไปเลยก็ได้ครับ เพราะสิ่งที่ อาจารย์พูดทุกครั้งบ่อยๆ ล้วนแต่เป็นเรื่องสติปัฏฐานเลยนะครับ ทางตา ทางหู ฯลฯ ช่วยไม่ให้หลงลืมสติดีครับว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ใช่ตนนะคับ แต่ก็นั่นแหละครับ ถ้าเมื่อไรไม่ได้ฟังธรรมะ ที่มีเสียงอาจารย์ คอยช่วยเตือนในชีวิตเรา ก็แทบจะไม่ได้ระลึกว่า มันเป็นธรรมะนะไม่ใช่เรา เสียงธรรมจากอาจารย์ จะช่วยเตือนสติเราได้เป็นอย่างดี ขณะฟังไปด้วย พิจารณาไปด้วย ผมว่ามันก็ได้วิปัสสนา ได้ปัญญาไปด้วยนะครับ ขณะฟังธรรม
ผมคิดว่า ความรู้ในโลกนี้ ถ้าจะว่าไป มีมากมายนับไม่ถ้วนครับ เลข ภาษาต่างๆ ชีวะ ฟิสิกส์ เคมี บริหาร การงานอาชีพ ฯลฯ ต่อให้อยากเรียนทุกอย่าง ชาตินี้ก็ไม่สามารถเรียนได้หมดครับ
ดังนั้น ถ้าจะให้ดีเราเลือกเรียน เราก็น่าที่จะเลือกสิ่งที่เป็นประโยชน์อย่างสูงสุด ไม่ดีกว่าหรือครับ ทุกวิชาที่กล่าวมา ลองพิจารณาดูนะครับ ถ้าเข้าใจ ก็ทำให้เข้าใจบางเรื่อง ไม่ทำให้เราเข้าใจตัวเราเอง แต่พระธรรมทำให้เราเข้าใจตัวเราเอง หรือแม้แต่ทุกอย่างที่มีจริงๆ ในโลกนั่น แท้จริงแล้วมันเป็นยังไง ที่สำคัญเป็นวิชาเดียวเท่านั่น ที่เมื่อเรียนจบแล้ว เราจะไม่ต้องมาเกิดมามีเราอีกเลย แล้วทุกข์จะเกิดกะเราได้ไฉน ถ้าไม่มีเรา อันเป็นที่เกิดของทุกข์อีก ดับทุกข์ได้โดยสิ้นเชิงดีไหมครับ คิดดูก็แล้วกันครับ
สุดท้าย ขอกราบอนุโมทนา ท่านอ. สุจินต์ และคณะ ผู้ทำให้เราได้มีโอกาสฟังพระธรรม ที่ไพเราะ ในเบื้องต้น ในท่ามกลาง ในที่สุด ของพระผู้มีพระภาคเจ้า ทำให้ผมรู้ว่า อะไรสำคัญที่สุดในชีวิต กับการที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ รู้ว่าต่อจากนี้ไปจนตายควรเดินทางไหน ที่ประเสริญที่สุด ทางเดินแห่งปัญญาประเสริญที่สุด มีค่าที่สุด เพราะทำให้พ้นทุกข์ในอริยะสัจจ์ได้ ขอให้ทุกท่านสนใจศึกษาธรรมะ ฟังธรรมบ่อยๆ นะครับ ชีวิตนี้น้อยนัก ตอนนี้ผมก็ล่วงวัยกลางคนเข้าไปแล้ว ก็ไม่ประมาทครับ ตอนนี้้ก็พยามฟังธรรม แทบทุกวันในเน็ต เพราะไม่รู้ว่าจะตายเมื่อไรนะครับ วันนี้ พรุ่งนี้ ชม.ไหน อาจจะตายก็ได้ครับ อย่าประมาท ตายแล้ว ก็ไม่มีโอกาสฟังพระธรรม จะได้ฟ้งต่อติดอีกเมื่อไรก็ไม่รู้ ตราบที่่ยังไม่ได้เป็นพระโสดาบัน ตายแล้ว ก็ยังมีสิทธิไปเกิดในอบายได้ทุกคน เวลามีค่าใช้ ให้คุ้มค่าที่สุด ด้วยการเจริญความเพียร สักวัน ทุกคนถึงฝั่งแน่นอนทุกคนครับ
ขอบคุณครับ และอนุโมทนา
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ
ขอบคุณและอนุโมทนาค่ะ
"...รู้ว่าต่อจากนี้ไปจนตายควรเดินทางไหนที่ประเสริฐที่สุด ทางเดินแห่งปัญญาประเสริฐที่สุด มีค่าที่สุด เพราะทำให้พ้นทุกข์ในอริยสัจจ์ได้ อย่าประมาท ตายแล้วก็ไม่มีโอกาสฟังพระธรรม จะได้ต่อติดอีกเมื่อไรก็ไม่รู้ ตราบที่ยังไม่ได้เป็นพระโสดาบัน ตายแล้วก็ยังมีสิทธิไปเกิดในอบายได้ทุกคน เวลามีค่าใช้ให้คุ้มค่าที่สุด..."
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาความเห็นของคุณ yongyod ครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอขอบคุณ และ อนุโทนา เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ ว่ายากก็ต้องศึกษา
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาด้วยค่ะ