ท่านทั้งหลายครับ มีผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ขอความช่วยเหลือ ในกระทู้
จากสมาชิกท่านหนึ่ง ... เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย
ผมเข้าใจว่า มีผู้อยากจะช่วยหลายท่าน แต่ติดขัดที่ว่าจะตอบกระทู้นั้นได้ดี จำเป็นต้องหยั่งอัธยาศัย ผู้ขอรับความช่วยเหลือให้ชัดแจ้ง ผู้นั้นจึงจะได้รับประโยชน์เต็มที่ และคงด้วยเหตุนี้จึงมีผู้ตอบกระทู้นั้นน้อย
พอดีผมหวังประโยชน์ของตนเองได้ตั้ง กระทู้
ถ้าเหลือ 30 นาที ท่านจะทำอะไร
ซึ่งเนื้อหาก็คือ กระทู้เดิมนั่นเอง แต่ยักย้ายคำถาม เป็นขอให้ตอบตามอัธยาศัยของผู้ตอบ ต่อมาผมนึกได้ว่า หากมีผู้ตอบมากๆ คงมีสักคำตอบที่ใกล้เคียงกับอัธยาศัยของผู้ถามในกระทู้เดิม ผมจึงตั้งใจว่า เมื่อมีผู้ตอบมากพอควรแล้วจะเชิญให้ผู้ถามในกระทู้เดิมมาเลือกดูคำตอบที่ถูกอัธยาศัย ในกระทู้ใหม่นี้ด้วย
ผมขอเชิญท่านทั้งหลายอ่านกระทู้ทั้งสอง แล้วโปรดเลือกตอบกระทู้ใดก็ได้ แล้วแต่จะสะดวก ว่าจะอนุเคราะห์แก่ผู้ใกล้จะตายสถานใด อนึ่งแม้ท่านจะเห็นว่า มีหลายท่านได้ตอบแล้วด้วยภูมิธรรมอันสูง ก็ขอได้โปรดอาศัยความอนุเคราะห์ คำนึงถึงประโยชน์ของผู้ใกล้จะตายเป็นที่ตั้งแล้วตอบกระทู้ไปตามอัธยาศัยของท่าน
ผมขอขอบคุณท่านทั้งหลาย แทนผู้ใกล้จะตายครับ
จริงอย่างที่คุณพูดค่ะ คงมีหลายคนอยากช่วยแต่ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงจะเป็นประโยชน์สูงสุดต่อท่านผู้ที่กำลังรออยู่ อีกอย่าง อัธยาศัยของท่านผู้ป่วยเป็นอย่างไร ผู้ตอบกระทู้ไม่มีข้อมูลเลย อาจยากที่จะแสดงความเห็น แต่ขออนุโมทนา คุณ suwit02 ที่พยายามอย่างยิ่ง เพื่อผู้ป่วยท่านนี้ค่ะ
แนะนำคำบรรยายของอ.สุจินต์ เกี่ยวกับความตาย โดย : waratwaron
ลองคลิกฟังนะคะ
เพียงพริบตาเดียว
ระลึกถึงความตายโดยแยบคาย
ความตายเป็นทุกข์อย่างไร
ชีวิตไม่ได้เริ่มตอนเกิดแล้วจบตอนตาย
ความตายไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวอย่างที่คิด โดย : เก็บมาฝาก
ความตายไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวอย่างที่คิด แต่ที่เรากลัวตายกันทุกวันนี้ เป็นเพราะอวิชชาและโลภะ ทำให้เรากลัวการพลัดพรากจากสิ่งที่ยึดถือว่าเป็นเรา ของเราและสิ่งที่รักใคร่ยินดีพอใจทั้งหลาย ถ้าพิจารณาให้ดี เราคงไม่ได้กลัวตายจริงๆ หรอก แต่เรากลัวการพลัดพรากและกลัวการเกิดในภพภูมิใหม่ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าจะเป็นเช่นไร ความกลัวไม่ได้ช่วยให้พ้นทุกข์แต่เป็นการเพิ่มทุกข์ เมื่อทุกข์มี หนทางดับทุกข์ก็ต้องมี และมีอยู่ทางเดียวเท่านั้น คือการอบรมเจริญปัญญา ด้วยการหมั่นฟังและพิจารณาพระธรรม