เพราะอุโบสถศีลรักษาทั้งหมด ขาดข้อเดียว ก็ศีลขาดหมด ไม่เหมือนศีลแปด ขาดเป็นข้อๆ ๆ แล้วอาชีวัฏฐมกศีลเป็นศีลพ่วงไหมครับ. แล้วศีลแบบไหนเป็นข้อ แบบไหนเป็นศีลพ่วงครับ
ขอบคุณและสาธุ สาธุ สาธุครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
อาชีวัฏฐมกศีล หมายถึงศีลมีอาชีวะเป็นที่ แปด คือ ประกอบด้วย กายสุจริต 3 (งดเว้นฆ่าสัตว์สัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม) วจีสุจริต 4 (งดเว้นจากการพูดเท็จ พูดหยาบ พูดส่อเสียด พูดเพ้อเจ้อ) และอาชีวะเป็นที่ 8 คือ งดเว้นจากอาชีพที่ไม่ดี เรื่องแตกต่างในการขัดเกลากิเลสในแต่ละอย่าง และองค์ของศีล และเวลาซึ่งตามปกติมักนิยมถือศีลอุโบสถในวันพระหรือก่อนหรือหลังวันพระหนึ่งวัน แต่ อาชีวมิฏฐกศีล สามารถรักษาเมื่อเห็นประโยชน์ในวันไหนก็ได้ครับ แต่ที่สำคัญการรักษาศีลนั้นจะต้องมีความเข้าใจถูกต้องจึงจะรักษาได้ถูกต้อง ไม่ใช่เรื่องง่ายครับ หากมีความเห็นผิด เข้าใจธรรมผิดก็ย่อมรักษาได้ไม่ถูกต้อง เช่น อาชีวัฏฐมกศีล ต้องเป็นผู้ที่เข้าใจธรรมและประพฤติบริสุทธิ์ ในการงดเว้นจากทางกายและวาจาที่ทุจริต เป็นผู้มีกายสุจริต 3 วจีสุจริต 4 จึงจะเป็นรักษาอาชีวมิฏฐกศีลได้ถูกต้อง อันมีการงดเว้นอาชีพที่ผิดเป็นที่แปด และการจะรู้ว่าใครเป็นผู้มีศีลนั้น บุคคลนั้นต้องมีปัญญาไม่ใช่เพียงเวลาเล็กน้อย เป็นต้น เชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่..ความแตกต่างระหว่างอุโบสถศีล และ อาชีวัฏฐมกศีล
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ประโยชน์จริงๆ คือ ความเข้าใจถูกเห็นถูก เพราะประโยชน์ของการรักษาศีลจริงๆ คือ วิรัติงดเว้นจากความประพฤติที่ไม่เหมาะสมประการต่างๆ เพื่อขัดเกลากิเลสของตนเอง มีความจริงใจ ตั้งใจที่จะถือเอาเป็นประพฤติปฏิบัติด้วยดีจริงๆ ไม่ใช่ด้วยความอยากด้วยความต้องการ ไม่ว่าจะโดยนัยของศีลอุโบสถ หรืออาชัวัฏฐมกศีล (ศีลที่มีการเลี้ยงชีพชอบ เป็นที่ ๘) ก็ตาม และทีขาดไม่ได้เลย คือ การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญา สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกเป็นปกติในชีวิตประจำวัน เพราะศีลจะบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น เมื่อมีความเข้าใจถูกเห็นถูก ซึ่งจะเกื้อกูลกันโดยตลอด ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
การรักษาศีล ชื่อว่าการให้ความไม่มีเวรไม่มีภัยกับตนเองและคนอื่น ค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ