[เล่มที่ 3] พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ ๒๕๔
บทภาชนีย์ มาติกา สตรี ๑๐ จำพวก
[๔๒๘] สตรี ๑๐ จำพวก คือ
สตรีมีมารดาปกครอง สตรีมีบิดาปกครอง ๑
สตรีมีมารดาบิดาปกครอง ๑
สตรีมีพี่น้องชายปกครอง ๑
สตรีมีพี่น้องหญิงปกครอง ๑
สตรีมีญาติปกครอง ๑
สตรีมีโคตรปกครอง ๑
สตรีมีธรรมคุ้มครอง ๑
สตรีมีคู่หมั้น ๑
สตรีมีกฎหมายคุ้มครอง ๑
ภรรยา ๑๐ จำพวก
[๔๒๙] ภรรยา ๑ จำพวกคือ
ภรรยาสินไถ่ ๑
ภรรยาที่อยู่ด้วยความเต็มใจ ภรรยาที่อยู่เพราะสมบัติ ๑
ภรรยาที่อยู่เพราะผ้า ๑
ภรรยาที่สมรส ๑
ภรรยาที่ถูกปลงเทริด ๑
ภรรยาที่เป็นทั้งคนใช้เป็นทั้งภรรยา ๑
ภรรยาที่เป็นทั้งลูกจ้างทั้งเป็นภรรยา ๑
ภรรยาเชลยภรรยาชั่วคราว ๑
นิเทศแห่งหญิงเหล่านั้นปรากฏชัดแล้วแล
บรรดาหญิง ๑๐ จำพวกนี้ เฉพาะสองพวกหลังเท่านั้น เมื่อคบหาชายอื่นย่อมเป็นมิจฉาจาร พวกนอกนี้หาเป็นไม่ (หมายถึงสตรี ๑๐ จำพวกแรกที่ยังไม่มีสามี) มีนัยดังกล่าวแล้วนั่นแล เป็นมิจฉาจารแก่สตรีทั้ง ๑๐ จำพวกนี้ ในเพราะคบหาชายอื่น ก็ในสตรีทั้ง ๒๐ จำพวกนี้เป็นมิจฉาจารแก่พวกบุรุษ และก็เป็นการชักสื่อแก่ภิกษุด้วย
มังคลัตถทีปนีแปล เล่ม ๒ หน้าที่ ๑๐๐
สตรี ๒๐ จำพวก สตรีที่มารดารักษาเป็นต้น ชื่อว่า อคมนียัฏฐานของพวกบุรุษ
ในบทว่า อคมนียัฏฺฐานวิติกฺกมเจตนา นั้น สตรี ๒๐ จำพวกนั้น จักมีแจ้งในมงคลข้อว่า การสงเคราะห์บุตรและภริยานั้น ด้วยเหตุนั้น ในอนุฎีกาวิมติวิโนทนีแห่งสัญจริตตสิกขาบท ท่านจึงกล่าวไว้ว่า "แท้จริง บุรุษทั้งหลายย่อมไม่ได้เพื่อจะถึง (ล่วง) สตรีที่ผู้ปกครองเหล่าใดเหล่าหนึ่งคุ้มครองรักษาไว้ เพราะฉะนั้น บุรุษเหล่านั้น ไป (ถึง) ในสตรี ๘ จำพวกมีสตรีที่มารดารักษา เป็นต้น จึงเป็นมิจฉาจารโดยแท้ เพราะสตรีเหล่านั้นอันผู้ปกครองทั้งหลายมีมารดา เป็นต้น รักษาไว้ โดยประการที่เธอจะสำเร็จการอยู่ร่วมกับบุรุษไม่ได้ บุรุษไปในสตรี ๑๒ จำพวก นอกจากสตรี ๘ จำพวกนั้นเป็นมิจฉาจาร (เหมือนกัน) เพราะเข้าไปในฐานะซึ่งไม่ใช่ของๆ ตน ที่ชนเหล่าอื่นห้ามแล้ว
ฎีกาสารัตถทีปนีว่า "เป็นมิจฉาจาร เพราะสตรีเหล่านั้นถูกบุรุษลักผัสสะที่คนเหล่าอื่นรักษาคุ้มคองแตะต้องแล้ว"
[๒๐๕] ก็ในสตรี ๒๐ จำพวก บุรุษเหล่าอื่น ชื่อว่าเป็นอคมนียัฏฐานของสตรี ๑๒ จำพวก มีสตรีมีอารักขา เป็นต้น. ด้วยว่าพวกสตรีที่บุรุษคนใดคนหนึ่งถือโดยความเป็นภริยาเท่านั้น ไม่ได้เพื่อจะถึงบุรุษอื่น, เพราะฉะนั้น สตรี ๑๒ จำพวกเหล่านั้นเท่านั้นชื่อว่าเป็นมิจฉาจาร ในเพราะถึงบุรุษอื่น เพราะตัวมีสามี. จริงอยู่ สตรีเหล่านั้นขโมยผัสสะซึ่งเป็นของสามี ยังการอภิรมให้เกิดขึ้นแก่บุรุษเหล่าอื่น เพราะฉะนั้น สตรีเหล่านั้นจึงเป็นมิจฉาจาร.
ส่วนสตรี ๘ จำพวกนอกนี้มีสตรีที่มารดารักษา เป็นต้น ชื่อว่าไม่เป็นมิจฉาจาร ในเพราะถึงบุรุษอื่น เพราะตัวยังไม่มีสามี. อีกอย่างหนึ่ง สตรีเหล่านั้นชื่อว่าไม่เป็นมิจฉาจาร เพราะตนมีผัสสะที่ใครๆ หวงห้ามไม่ได้และเพราะตนเป็นเจ้าของแห่งผัสสะเอง. ผู้ปกครองทั้งหลายมีมารดา เป็นต้น ย่อมรักษาสตรีเหล่านั้นไว้ เพื่อชมเชยผัสสะของสตรี เหล่านั้นเองก็หามิได้, ผู้ปกครองเหล่านั้น ป้องกันอนาจารอย่างเดียว จึงห้ามการถึงบุรุษอื่นแห่งสตรีเหล่านั้นเสีย, เพราะฉะนั้น ผูปกครองทั้งหลายมีมารดา เป็นต้น จึงหาชื่อว่าเป็นใหญ่ในผัสสะของสตรีเหล่านั้นไม่แล.
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น