พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 65
ข้อความบางตอนจาก อรรถกถามานกามสูตร
เมื่อศีลมี ก็ชื่อว่ามีอธิศีล เมื่อจิตมีก็ชื่อว่ามีอธิจิต เมื่อปัญญามีก็ชื่อว่ามีอธิปัญญา เพราะฉะนั้น ศีล ๕ ก็ดี ศีล ๑๐ ก็ดี จึงชื่อว่าศีล ในที่นี้. ปาฏิโมกขสังวร พึงทราบว่าชื่อว่า อธิศีล. สมาบัติ ๘ ชื่อว่า จิต. ฌานอันเป็นบาทแห่งวิปัสสนา ชื่อว่า อธิจิต. กัมมสัสกตญาณ ชื่อว่า ปัญญา. วิปัสสนาชื่อว่า อธิปัญญา. จริงอยู่ ศีลที่เป็นไปในกาลที่พระพุทธเจ้ายังไม่เกิด ฉะนั้น ศีล ๕ ศีล ๑๐ ชื่อว่า ศีลเท่านั้น. ปาฎิโมกขสังวรศีลย่อมเป็นไปในกาลที่พุทธเจ้าทรงอุบัติขึ้น ฉะนั้น จึงชื่อว่า อธิศีล. แม้ในจิตและปัญญา ก็นัยนี้เหมือนกัน. อีกอย่างหนึ่ง แม้ศีล ๕ ศีล ๑๐ อันผู้ปรารถนาพระนิพพาน สมาทาน แล้วก็ชื่อว่า อธิศีลเหมือนกัน. แม้สมาบัติ ๘ ที่เข้าถึงแล้ว ก็ชื่อว่า อธิจิตเหมือนกัน. หรือว่า โลกียศีลทั้งหมด ชื่อว่า ศีล เหมือนกัน โลกุตรศีลชื่อว่า อธิศีล. แม้ในจิตและปัญญา ก็นัยนี้เหมือนกัน. ท่านประมวลสิกขา ๓ มากล่าวศาสนธรรมทั้งสิ้นไว้ ด้วยพระคาถานี้ ด้วยประการฉะนี้แล.
ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ สาธุ...
ยินดีในกุศลจิตค่ะ