การศึกษาเรื่องปัจจัยเพื่อให้รู้ว่า ปัจจัยเป็นสภาพที่อุปการะเกื้อกูลให้สภาพธรรมอื่น เกิดขึ้น สภาพธรรมทั้งหลายเกิดขึ้นเองไม่ได้ เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยทั้งนั้น เช่น จิตเห็น จิตได้ยิน ขณะนี้จะเกิดขึ้นเองไม่ได้ เราไม่สามารถทำให้จิตเห็น จิตได้ยิน เกิดขึ้นได้ แต่เกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัย แสดงความเป็นอนัตตาของสภาพธรรม ไม่มีตัวตนที่จะไปทำให้สภาพธรรมใดๆ เกิดขึ้นได้เลย
ขออนุโมทนาค่ะ
เมื่อสิ่งนี้มี
สิ่งนี้จึงมี
อนุโมทนาค่ะ
จากประสบการณ์ส่วนตัวเกี่ยวกับการศึกษาพระธรรม ผมเห็นว่าการศึกษาปรมัตถธรรมแต่ละประการโดยละเอียด ทำให้เข้าใจลักษณะ กิจหน้าที่ และสภาวะที่ เอื้ออำนวย หรือที่ห้ามการเกิดขึ้นทำกิจการงานของสภาวธรรมแต่ละประการ ซึ่งผม รู้สึกว่าเป็นความรู้ที่ค่อนข้างเฉพาะเรื่อง แยกจากกัน ไม่แสดงถึงความสัมพันธ์ต่อกัน อย่างชัดเจน
แต่เมื่อได้มีโอกาสศึกษาเรื่องปัจจัยทำให้ผมได้ศึกษาถึง ความสัมพันธ์ระหว่าง ปรมัตถธรรมแต่ละประการ ทั้งในแง่ของการทำงานร่วมกัน ความสอดคล้องเข้ากันได้ การขัดกันหรือห้ามกัน และความสัมพันธ์ของสภาพธรรมที่เกิดก่อน เกิดพร้อมกัน หรือเกิดทีหลัง ทำให้มีความเข้าใจการทำกิจหน้าที่ของปรมัตถธรรมมากขึ้น เพราะ ในความเป็นจริงนั้น ไม่มีปรมัตถธรรมใดเลยที่เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่เดี่ยวๆ สภาพธรรม ทั้งหลายเกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ร่วมกับสภาพธรรมอื่นๆ ซึ่งต่างก็ส่งผลถึงกันและกัน และ ทั้งหมดนั้นก็ส่งผลต่อไปถึงกลุ่มสภาพธรรมที่เกิดขึ้นทำกิจต่อเนื่องกันไปไม่รู้จบครับ ความเข้าใจเรื่องการทำงานร่วมกันของสภาพธรรม ช่วยเชื่อมโยงพระธรรมที่ทรง แสดงไว้ เข้ากับชีวิตจริงในแต่ละวันของเรามากขึ้น ทำให้เข้าใจความเป็นไปของชีวิต ซึ่งเป็นเพียงการสะสมและสืบต่อของสภาพธรรมอย่างไม่รู้จบ และทำให้ตระหนักว่า หากต้องการหยุดวัฏฐจักรเหล่านี้ ก็ไม่มีหนทางอื่น นอกจากการระลึกศึกษาสภาพธรรม ที่กำลังปรากฎให้รู้ได้ในขณะนี้ครับ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ