[เล่มที่ 58] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๔ - หน้า 563
๗. กากาติชาดก
ว่าด้วยนางกากี
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 58]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๔ - หน้า 563
๗. กากาติชาดก
ว่าด้วยนางกากี
[๖๐๖] หญิงคนรักของเราอยู่ณ ที่แห่งใด กลิ่นของนางยังหอมฟุ้งมาจากที่แห่งนั้น ใจของเรายินดีในนางคนใด นางคนนั้นชื่อกากาติอยู่ไกลจากที่นี้ไป.
[๖๐๗] ท่านข้ามทะเลไปได้อย่างไร ท่านข้ามแม่น้ำชื่อเกปุกะไปได้อย่างไร ท่านข้ามสมุทรทั้ง ๗ ไปได้อย่างไร ท่านขึ้นต้นงิ้วได้อย่างไร.
[๖๐๘] เราข้ามทะเลไปได้เพราะท่าน ข้ามแม่น้ำชื่อเกปุกะไปได้เพราะท่าน ข้ามสมุทรทั้ง ๗ ไปได้เพราะท่าน ขึ้นต้นงิ้วได้เพราะท่าน.
[๖๐๙] น่าติเตียนตัวเราผู้มีกายใหญ่โต น่าติเตียนตัวเราผู้ไม่มีความคิด เพราะว่าเราต้องนํามาบ้าง ซึ่งชู้ของเมียตนเอง.
จบ กากาติชาดกที่ ๗
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๔ - หน้า 564
อรรถกถากากาติชาดกที่ ๗
พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภภิกษุผู้กะสันจะสึกรูปหนึ่ง จึงตรัสพระธรรมเทศนาน มีคําเริ่มต้นว่าวาติ จายํ ตโต คนฺโธ ดังนี้.
ได้ยินว่า ในกาลนั้น พระศาสดาตรัสถามภิกษุนั้นว่า ดูก่อนภิกษุ ได้ยินว่าเธอเป็นผู้กระสันจะสึกจริงหรือ? เมื่อภิกษุนั้นทูลรับจริงพระเจ้าข้า จึงตรัสว่า เพราะเหตุไร เธอจึงกระสันจะสึก. ภิกษุนั้นกราบทูลว่า เพราะอํานาจกิเลส พระเจ้าข้า. พระศาสดาตรัสว่าดูก่อนภิกษุ ธรรมดาว่ามาตุคาม ใครๆ รักษาไว้ไม่ได้ ใครๆ ไม่อาจรักษา ก็โบราณกบัณฑิตทั้งหลายในกาลก่อน แม้จะให้ยกมาตุคามขึ้นไว้ในวิมานต้นฉิมพลี ในท่ามกลางมหาสมุทร ก็ไม่อาจรักษาไว้ได้แล้วทรงนําเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :-
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในนครพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในพระครรภ์ของพระอัครมเหสีของพระเจ้าพรหมทัตนั้น เจริญวัยแล้ว เมื่อพระราชบิดาสวรรคต ก็ครองราชสมบัติ พระอัครมเหสีของพระโพธิสัตว์นั้น พระนามว่ากากาติ ได้มีพระรูปโฉมงดงาม ดุจนางเทพอัปสร. นี้เป็นเนื้อความสังเขปในชาดกนี้ ส่วนเรื่องอดีตโดยพิสดารจักมีแจ้งในกุณาลชาดก.ก็ในกาลนั้น พระยาครุฑตนหนึ่งแปลงเพศเป็นมนุษย์มาเล่นสกากับพระราชา มีจิตปฏิพัทธ์ในพระนางกากาติอัครมเหสี จึงพาพระนาง
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๔ - หน้า 565
ไปยังสุบรรณภพ แล้วร่วมอภิรมย์อยู่กับพระนางนั้น. พระราชาเมื่อไม่พบเห็นพระเทวี จึงตรัสกะคนธรรพ์ชื่อนฏกุเวรว่า เธอจงค้นหาพระเทวีนั้นดู. คนธรรพ์นั้นจึงกําหนดเอาพระยาครุฑนั้นจึงนอนอยู่ในดงตะไคร้น้ำในสระแห่งหนึ่ง ในเวลาครุฑนั้นไปจากสระนั้นได้เกาะอยู่ในระหว่างปีกไปจนถึงสุบรรณภพ แล้วออกจากระหว่างปีกกระทําการเคล้าคลึงด้วยกิเลสกับพระเทวีนั้น แล้วเกาะอยู่ในระหว่างปีกของพระยาครุฑนั้นนั่นแหละกลับมาอีก ในเวลาพระยาครุฑเล่นสกากับพระราชา จึงถือพิณของตนมายังสนามเล่นสกา ยืนอยู่ในราชสํานัก จึงกล่าวคาถาที่ ๑ โดยขับเป็นเพลงขับว่า :-
หญิงคนรักของเราอยู่ ณ ที่แห่งใดกลิ่นของนางยังหอมฟุ้งมาจากที่แห่งนั้น ใจของเรายินดีในนางใดนางนั้นชื่อกากาติ อยู่ไกลจากที่นี้.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า คนฺโธ ได้แก่ กลิ่นแห่งร่างกายของนางนั้นซึ่งลูบไล้ด้วยกลิ่นทิพย์. บทว่า ยตฺถ เม ความว่าหญิงคนรักของเราอยู่ในสุบรรณภพใด อธิบายว่า พระนางทําการเคล้าคลึงกายกับพระยาครุฑนี้ กลิ่นของนางซึ่งติดมากับร่างกายของพระยาครุฑนี้ จึงชื่อว่าฟุ้งมาจากที่นั้น บทว่า ทูเร อิโตได้แก่ ในที่ไกลจากที่นี่. หิ อักษรเป็นเพียงนิบาต. บทว่า กากาติ
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๔ - หน้า 566
ได้แก่ เทวีพระนามว่ากากาติ. บทว่า ยตฺถ เม ความว่า ใจของเรายินดี คือกําหนัดแล้วเหนือนางใด.
พระยาครุฑได้ฟังดังนั้น จึงกล่าวคาถาที่ ๒ ว่า :-
ท่านข้ามทะเลไปได้อย่างไร ท่านข้ามแม่น้ำเกปุกะไปได้อย่างไร ท่านข้ามทะเลทั้ง ๗ แห่งไปได้อย่างไร ท่านขึ้นต้นงิ้วฉิมพลีได้อย่างไร.
คําที่เป็นคาถานั้นมีใจความว่า ท่านข้ามทะเลในชมพูทวีปนี้และแม่น้ำชื่อว่า เกปุกะซึ่งถัดจากทะเลนั้นไป และทะเลทั้ง ๗ แห่งซึ่งตั้งอยู่ในระหว่างภูเขาทั้งหลายได้อย่างไร คือข้ามไปได้ด้วยอุบายอะไร และท่านขึ้นต้นฉิมพลีอันเป็นภพของเราซึ่งตั้งอยู่เลยทะเลทั้ง ๗ ได้อย่างไร.
นฏกุเวรได้ฟังดังนั้น จึงกล่าวคาถาที่ ๓ ว่า :-
เราข้ามทะเลไปได้เพราะท่าน ข้ามแม่น้ำเกปุกะได้เพราะท่าน ข้ามทะเลทั้ง ๗แห่งได้เพราะท่าน และขึ้นต้นฉิมพลีได้ก็เพราะท่าน.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ตยา ความว่า เราเกาะอยู่ใน
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๔ - หน้า 567
ระหว่างปีกของท่านกระทํากิจทั้งปวงนี้ เพราะท่านเป็นตัวเหตุ.
ลําดับนั้น พระยาครุฑ จึงกล่าวคาถาที่ ๔ ว่า :-
น่าติเตียนเราผู้มีกายใหญ่โต น่าติเตียนเราผู้ไม่มีความคิด เพราะว่าเรานํามาบ้าง นําไปบ้างซึ่งชายชู้ของเมีย.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ธิรตฺถุ มํ พระยาครุฑ เมื่อจะติเตียนตนเอง จงกล่าวไว้. บทว่า อเจตนํ ได้แก่ ชื่อว่าผู้ไม่มีความคิด เพราะไม่รู้ความหนักและความเบา เพราะความเป็นผู้มีร่างกายใหญ่โต. บทว่า ยตฺถ แก้เป็น ยสฺมา แปลว่า เพราะเหตุใด. ท่านกล่าวคําอธิบายไว้ว่า เพราะเหตุที่เรานําคนธรรพ์นี้ผู้เป็นชายชู้ของเมียตนซึ่งเกาะอยู่ในระหว่างปีกมา ชื่อว่านํามา เมื่อนําไปชื่อว่านําไปอยู่ ฉะนั้น น่าติเตียนตัวเรา.
พระยาครุฑนั้นได้นําพระนางกากาตินั้นไปถวายพระราชาแล้วไม่ได้ไปเล่นสกาอีก.
พระศาสดาครั้นทรงนําพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว จึงทรงประกาศสัจจะแล้วทรงประชุมชาดกว่า ในเวลาจบสัจจะ ภิกษุผู้กะสันจะสึกดํารงอยู่แล้วในโสดาปัตติผล. นฏกุเวรในกาลนั้น ได้เป็นภิกษุผู้กะสันจะสึกในบัดนี้ ส่วนพระราชาในครั้งนั้น ได้เป็นเราตถาคตฉะนี้แล.
จบ อรรถกถากากาติชาดกที่ ๗