ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้าที่ 457
………………………….
[๗๔๑] ดูก่อนภารทวาชะ อนึ่ง อุปมา ๓ ข้ออันน่าอัศจรรย์ ไม่
เคยฟังมาในกาลก่อน มาปรากฏก็เราอุปมาข้อที่ ๑ ภารทวาชะ
เปรียบเหมือน ไม้สด ซุ่มด้วยยาง ทั้งแช่อยู่ในน้ำ ถ้าบุรุษพึงมาด้วยหวังว่า
จักเอาไม้นั้น มาสีให้เกิดไฟ จักทำไฟให้ปรากฏ ดังนี้ ดูก่อนภารทวาชะ
ท่านจะเข้าใจความข้อนั้นเป็นไฉนบุรุษนั้น
เอาไม้สด ชุ่มด้วยยาง ทั้งแช่อยู่ในน้ำ มาสีไฟ จะพึงให้ไฟเกิด
พึงทำไฟให้ปรากฏได้บ้างหรือหนอ.
สคารวมาณพกราบทูลว่า ข้อนี้หามิได้ ท่านพระโคดม
ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะไม้นั้นยังสดชุ่มด้วยยาง ทั้งแช่อยู่ในน้ำ
คบุรุษนั้นพึงมีส่วนแห่งวามเหน็ดเหนื่อยลำบากเปล่าเท่านั้น.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ภารทวาชะ ฉันนั้นเหมือนกันแล
สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง
มีกายยังไม่หลีกออกจากกาม
ยังมีความพอใจในกาม
ความเสน่หาในกาม
ความหมกมุ่นในกาม
ความระหายในกาม
ความเร่าร้อนเพราะกาม
อันคนยังละไม่ได้ด้วยดี ให้สงบระงับไม่ได้ด้วยดีในภายใน
ท่านสมณพราหมณ์เหล่านั้น ถ้าหากจะเสวยทุกขเวทนาอันกล้าเผ็ดร้อนเกิด
เพราะความเพียรก็ดี หากจะไม่ได้เสวยก็ดี ก็ไม่ควรเพื่อจะรู้ เพื่อจะเห็นซึ่ง
ปัญญาเครื่องตรัสรู้อันไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า ดูก่อนภารทวาชะ อุปมาข้อที่ ๑
นี้แลน่าอัศจรรย์ ไม่เคยได้ฟังมาในกาลก่อน มาปรากฏกะเรา.
[๗๔๒] ดูก่อนภารทวาชะ อุปมาข้อที่ ๒ อีกข้อหนึ่งน่าอัศจรรย์ ไม่
เคยได้ฟังมาในกาลก่อน มาปรากฏกะเรา
เปรียบเหมือนไม้สด ชุ่มด้วยยางตั้งอยู่บนบก ไกลน้ำ
ถ้าบุรุษพึงมาด้วยหวังว่า จักเอาไม้นั้นมาสีให้เกิดไฟ
จักทำไฟให้ปรากฏ ดูก่อนภารทวาชะ. ท่านจะเข้าใจควานข้อนั้นเป็นไฉน
บุรุษนั้นเอาไม้สด ชุ่มด้วยยาง ตั้งอยู่บนบก ไกลน้ำ มาสีไฟ จะพึงให้ไฟ
เกิด พึงทำไฟให้ปรากฏได้บ้างหรือหนอ.
สคารวมาณพกราบทูลว่า ข้อนี้หามิได้ ท่านพระโคดม
ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะไม้นั้นยังสดชุ่มด้วยยาง ถึงแม้จะตั้งอยู่บนบกไกลน้ำ
บุรุษนั้นก็จะพึงมีส่วนแห่งความเหน็ดเหนื่อยลำบากเปล่าเท่านั้น.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภารทวาชะ ฉันนั้นเหมือนกันแล
สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง
แม้มีกายหลีกออกจากกามแล้ว
แต่ยังมีความพอใจในกาม
ความเสน่หาในกาม
ความหมกมุ่นในกาม
ความระหายในกาม
ความเร่าร้อนเพราะกาม
อันตนยังละไม่ได้ด้วยดี ยังให้สงบระงับด้วยดีไม่ได้ในภายใน
ท่านสมณพราหมณ์เหล่านั้น ถึงแม้จะได้เสวยทุกขเวทนนาอันกล้า
เผ็ดร้อนที่เกิดเพราะความเพียรก็ดี จะไม่ได้เสวยก็ดี ก็ยังไม่ควรเพื่อจะรู้
เพื่อจะเห็นซึ่งปัญญาเครื่องตรัสรู้อันไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า
ดูก่อนภารทวาชะ อุปมาข้อที่ ๒ นี้แลน่าอัศจรรย์
ไม่เคยได้ฟังมาในกาลก่อน มาปรากฏกะเรา.
[๗๔๓] ดูก่อนภารทวาชะ อุปมาข้อที่ ๓ อีกข้อหนึ่ง น่าอัศจรรย์
ไม่เคยได้ฟังมาในกาลก่อน มาปรากฏกะเรา
เปรียบเหมือนไม้แห้งเกราะ ทั้งตั้งอยู่บนบก ใกล้น้ำ
ถ้าบุรุษพึงมาด้วยหวังว่า จะเอาไม้นั้นมาสีไฟ จักให้ไฟเกิด จักทำไฟให้ปรากฏ
ดังนี้ ดูก่อนภารทวาชะ ท่านจะเข้าใจความข้อนั้นเป็นไฉน
บุรุษนั้นเอาไม้แห้งเกราะ ทั้งตั้งอยู่บนบก ไกลน้ำ มาสีไฟ
จะพึงให้ไฟเกิด พึงทำไฟให้ปรากฏได้บ้างหรือหนอ.
สคารวมาณพกราบทูลว่า อย่างนั้นท่านพระโคดม
ข้อนั้นเพราะเหตุอะไร เพราะไม้นั้นแห้งเกราะ ทั้งตั้งอยู่บนบก ไกลน้ำ.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภารทวาชะ ฉันนั้นเหมือนกันแล
สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง
มีกายหลีกออกจากกาม
ทั้งความพอใจในกาม
ความเสน่หาในกาม
ความหมกมุ่นในกาม
ความระหายในกาม
ความเร่าร้อนเพราะกาม
อันตนละได้ด้วยดี ให้สงบระงับด้วยดีแล้วในภายใน
ท่านสมณพราหมณ์เหล่านั้น ถึงแม้จะได้เสวยทุกขเวทนาอันกล้าเผ็ดร้อน
ที่เกิดเพราะความเพียรก็ดี ถึงแม้จะไม่ได้เสวยก็ดี ก็สมควรเพื่อจะรู้
เพื่อจะเห็นซึ่งปัญญาเครื่องตรัสรู้อันไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า
ดูก่อนภารทวาชะ อุปมาข้อที่ ๓ นี้แล น่าอัศจรรย์
ไม่เคยได้ฟังมาในกาลก่อน มาปรากฏกะเรา.
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
อุปมาดังนั้นก็ถูก
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ