เห็นถูกตามความเป็นจริงของสภาพธรรม
โดย เมตตา  4 มี.ค. 2562
หัวข้อหมายเลข 30515

ขอนอบน้อมแด่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ปรมัตถธรรมที่ปรากฏ เมื่อกระทบ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ เพียงเล็กน้อยแล้วดับไป แต่ใจ คิดนึกถึงเรื่อง สิ่งที่ปรากฏทั้งทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทั้งวันอย่างมั่นคงว่า เป็นสิ่งที่มีจริงๆ เช่น พ่อแม่ มีจริงๆ คนนั้นคนนี้มีจริงๆ ต้นไม้ ดอกไม้ โต๊ะ เก้าอี้ นก เสือ ปลา.. มีจริงๆ อย่าง เห็นเกิดขึ้น ไม่รู้เลยว่า สิ่งที่ปรากฏทางตาดับแล้ว เพราะเร็วมาก แล้วจิตก็คิดจำส่วนสัดรูปร่างสัณฐาน แล้วก็ไม่ลืม แล้วก็เข้าใจว่ายังมีอยู่ ยังเที่ยงอยู่ เพราะฉะนั้น แสดงให้เห็นว่า ความเข้าใจที่ผิดมาก จนกระทั่งแม้สภาพธรรมปรากฏอย่างนี้จริงๆ ก็ยังไม่สามารถเข้าใจได้ จนกว่าจะค่อยๆ เข้าใจเมื่อไหร่ก็ค่อยๆ คลายความไม่รู้ในสิ่งที่ปรากฏ

ปัญญามีหน้าที่รู้แล้วละ ความไม่รู้ กว่าจะเริ่มรู้ว่า สิ่งที่ปรากฏ ก็คือ เดี๋ยวนี้ เท่านั้นเอง มีเพียง สิ่งที่ปรากฏทางตา เสียง กลิ่น รส เย็นหรือร้อน อ่อนหรือแข็ง ไม่มีสัตว์บุคคล สิ่งต่างๆ เลย เพราะสัตว์บุคคลสิ่งต่างๆ ทั้งหมด มีเพราะคิด อยู่ในโลกของความมืดสนิท ซึ่งมีสิ่งที่ปรากฏให้เห็นแล้วก็คิด ปรากฏให้ได้ยินแล้วก็คิด เพราะฉะนั้น ก็เป็นโลกของความคิดนึกซึ่ง จำ ว่า เป็นตัวตน เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด ที่เที่ยง ไม่ได้ดับไปเลย.

..กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ด้วยความเคารพอย่างยิ่งค่ะ..



ความคิดเห็น 1    โดย เมตตา  วันที่ 4 มี.ค. 2562

เมื่อวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ดิฉันได้สูญเสียคุณพ่อไปเนื่องจากท่านมีหลายโรค มะเร็ง พาคินสัน ลมชัก อัลไซเมอร์ แต่ท่านจากไปเพราะปอดติดเชื้อ.. ความรักความติดข้องเป็นเหตุของทุกข์จริงๆ หากไม่ได้ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ให้เข้าใจจริงๆ ความทุกข์ก็จะทบถมท่วมท้น.. ทุกครั้งที่มีความทุกข์ ก็มีปัจจัยให้คิดถึงธรรมที่ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ได้นำคำจริงจากการตรัสรู้ของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้ามาเปิดเผยให้ได้เข้าใจความจริงของชีวิต แท้จริงไม่มีสัตว์ บุคคล ตัวตน มีแต่สภาพธรรมเกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุปัจจัย

ไม่มีใครสามารถยับยั้งสภาพธรรมที่เกิดเพราะเหุตปัจจัยได้เลย จะทุกข์ จะสุข จะเกิด จะตาย ไม่มีใครยับยั้งได้ ไม่ควรคำนึงถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้ว ไม่คำนึงถึงสิ่งที่ยังมาไม่ถึง สิ่งที่ควรรู้ยิ่งคือ ขณะนี้ ฟังเพื่อเข้าใจความจริง ปัญญามีหน้าที่รู้ความจริงขณะนี้แล้วละความไม่รู้ ไม่มีใคร ไม่มีเราที่จะไปละความไม่รู้ได้ นอกจากปัญญา เข้าใจความเป็นจริงของธรรม แม้ความเศร้าโศกก็เป็นธรรม ไม่ใช่เรา เกิดแล้วก็ดับไป


ความคิดเห็น 2    โดย เมตตา  วันที่ 4 มี.ค. 2562

ช่วงที่คุณพ่อป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล ดิฉันได้อยู่เฝ้าคุณพ่อทุกคืน ได้เปิดฟังธรรมที่ท่านอาจารย์สนทนาธรรมกับท่านหนึ่งที่สูญเสียคุณแม่ เกือบทุกท่านรวมถึงดิฉันเอง จะถามหาวิธีที่จะให้คลายความทุกข์ แต่ท่านอาจารย์ได้ให้ความเข้าใจว่า ไม่มีใครที่จะบอกให้เราทำอย่างนี้ อย่างนั้น แล้วจะคลายทุกข์ได้ นั่นไม่ใช่ปัญญา แต่เป็นเราที่จะทำ นั่นไม่ใช่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า การที่จะดับความโศกเศร้าได้ต้องด้วยปัญญา ซึ่งปัญญามีหลายระดับขั้น ขั้นต้นต้องฟังเพื่อเข้าใจความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นธรรม ไม่ใช่เรา เพียงเห็นสิ่งที่ปรากฏทางตาแล้วก็ดับไป นี่คือความจริง สิ่งที่ปรากฏทางตาไม่ใช่พ่อ ไม่ใช่แม่ ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตนเลย ถ้าไม่รู้ว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่ว่า เห็น ได้ยิน สิ่งที่ปรากฏทางตา เสียง แข็ง เศร้า โกรธ ติดข้อง ความหวัง.. เป็นธรรม ก็ดับกิเลสเหล่านี้ไม่ได้

ขอเชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมได้ที่...

อยู่ในโลกของความคิดนึก

...กราบเท้าท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพอย่างยิ่งค่ะ..


ความคิดเห็น 3    โดย nattawan  วันที่ 4 มี.ค. 2562

เพราะไม่รู้จึงอยู่มาในหล้าโลก

เพราะไม่รู้จึงเศร้าโศกในสงสาร

เพราะไม่รู้จึงเป็นเราเขลามานาน

เพราะไม่รู้จึงคบพาลเผาผลาญตน

เพราะรู้คุณของพระธรรมจึงร่ำเรียน

เพราะรู้ธรรมจึงพร่ำเพียรเพิ่มกุศล

เพราะรู้ชัดจึงมิใช่สัตว์บุคคล

เพราะรู้ละตัวตนจึงพ้นภัย

กราบบูชาคุณท่านอ.สุจินต์ บริหารวนเขตต์ด้วยความเคารพยิ่ง

ขอบพระคุณและอนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 4    โดย archanaiausdorn  วันที่ 4 มี.ค. 2562

ขอโอกาสครับ

ภิกษุ ท. ! ความพลัดพรากจากสิ่งเป็นที่รักเป็นทุกข์ เป็นอย่างไรเล่า? ภิกษุ ท. ! ในโลกนี้ อารมณ์คือรูป เสียง กลิ่น รส โผฎฐัพพะเหล่านั้น อันเป็นที่น่าปรารถนารักใคร่พอใจ ของผู้ใด หรือว่าชนเหล่าใดเป็นผู้หวังประโยชน์หวังความเกื้อกูล หวังความผาสุก หวังความเกษมจากเครื่องผูกรัดต่อเขาคือ..บิดา ... การที่ไม่ได้ไปร่วม การที่ไม่ได้มาร่วม การไม่ได้หยุดอยู่ร่วม ไม่ได้ปะปนกับด้วยอารมณ์หรือบุคคลเหล่านั้น นี้เราเรียกว่า ความพลัดพรากจากสิ่งเป็นที่รักเป็นทุกข์

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เหมือนอย่างว่า บุรุษปั้นมหาปฐพีนี้ให้เป็นก้อน ก้อนละ
เท่าเม็ดกระเบาแล้ววางไว้ สมมติว่า นี้เป็นบิดาของเรา นี้เป็นบิดาของบิดาของเรา โดยลำดับ บิดาของบิดาแห่งบุรุษนั้นไม่พึงสิ้นสุด ส่วนมหาปฐพีนี้ พึงถึงการหมดสิ้นไป ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะว่า สงสารนี้กำหนดที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้ ที่สุดเบื้องต้นย่อมไม่ปรากฏ พวกเธอได้เสวยทุกข์ ความเผ็ดร้อน ความพินาศ ได้เพิ่มพูนปฐพีที่เป็นป่าช้า ตลอดกาลนาน เหมือนฉะนั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เหตุเพียงเท่านี้ พอทีเดียวเพื่อจะเบื่อหน่ายในสังขารทั้งปวง พอเพื่อจะคลายกำหนัด พอเพื่อจะหลุดพ้น ดังนี้

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถูกละๆ พวกเธอทราบธรรมที่เราแสดงแล้วอย่างนี้
ถูกแล้ว น้ำตาที่หลั่งไหลออกของพวกเธอ ผู้ท่องเที่ยวไปมา โดยกาลนานนี้แหละ มากกว่าส่วนน้ำในมหาสมุทรทั้ง ๔ ไม่มากกว่าเลย พวกเธอได้ประสบมรณกรรมของบิดาตลอดกาลนาน น้ำตาที่หลั่งไหลออกของเธอเหล่านั้น ผู้ประสบมรณกรรมของบิดา คร่ำครวญร้องไห้อยู่ เพราะ
ประสบสิ่งที่ไม่พอใจ เพราะพลัดพรากจากสิ่งที่พอใจ นั่นแหละ มากกว่า ส่วนน้ำในมหาสมุทรทั้ง ๔ ไม่มากกว่าเลย ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะว่า
สงสารนี้กำหนดที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เหตุเพียงเท่านี้ พอทีเดียว เพื่อจะเบื่อหน่ายในสังขารทั้งปวง พอเพื่อจะคลายกำหนัดพอเพื่อจะหลุดพ้น ดังนี้

อานนท์ ! เราได้กล่าวเตือนไว้ก่อนแล้วมิใช่หรือว่า ความเป็นต่างๆ ความพลัดพราก ความเป็นอย่างอื่น จากของรักของชอบใจทั้งสิ้น ย่อมมี อานนท์ ! ข้อนั้น จักได้มาแต่ไหนเล่า สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว เป็นแล้ว อันปัจจัยปรุงแล้ว มีความชำรุดไปเป็นธรรมดา สิ่งนั้นอย่าชำรุดไปเลย ดังนี้ ข้อนั้น ย่อมเป็นฐานะที่มีไม่ได้

อานนท์ ! เพราะฉะนั้น ในเรื่องนี้ พวกเธอทั้งหลาย จงมีตนเป็นประทีป มีตนเป็นสรณะ อย่าเอาสิ่งอื่นเป็นสรณะเลย จงมีธรรมเป็นประทีป มีธรรมเป็นสรณะ อย่ามีสิ่งอื่นเป็นสรณะเลย


ความคิดเห็น 6    โดย เมตตา  วันที่ 5 มี.ค. 2562

..กราบขอบพระคุณและกราบอนุโมทนาคุณ archanaiausdorn และ คุณหลาน nattawan ด้วยค่ะที่เกื้อกูลพระธรรม..


ความคิดเห็น 7    โดย ประสาน  วันที่ 6 มี.ค. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 8    โดย วิริยะ  วันที่ 6 มี.ค. 2562

ขอแสดงความเสียใจกับคุณเมตตาที่สูญเสียคุณพ่อ และขอขอบพระคุณ และขออนุโมทนาที่ คุณเมตตาได้กรุณาโพสต์ข้อความดีๆ มีประโยชน์มาก จากการได้ฟังธรรมบรรยายจากท่านอาจารย์สุจินต์ค่ะ


ความคิดเห็น 9    โดย เมตตา  วันที่ 7 มี.ค. 2562

ขอบพระคุณมากค่ะคุณวิริยะ..

ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ เป็นบุคคลที่หาได้ยากในโลก ท่านผู้ซึ่งนำคำสอนพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาเปิดเผยให้ได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ ตรงตามความเป็นจริง ค่ะ..กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ..

พระพุทธองค์ตรัสความปรากฏ ๕ ประการ ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากในโลก (มโนรถปูรณี อรรถกถาอังคุตตรนิกายปัญจกนิบาต) ดังนี้

ความปรากฏแห่งตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ๑ บุคคลผู้แสดงธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้ว ๑ บุคคลผู้รู้แจ้งธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้ว ๑ บุคคลผู้รู้แจ้งธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้ว ซึ่ง ผู้อื่นแสดงให้ฟัง แล้วปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ๑ กตัญญูกตเวทีบุคคล ๑


ความคิดเห็น 10    โดย เมตตา  วันที่ 7 มี.ค. 2562

พระอภิธรรมปิฎก ธาตุกถา-บุคคลบัญญัติ เล่ม ๓ หน้า ๒๖๘

อีกนัยหนึ่ง บุคคลใด เมื่อผู้อื่นยังมิได้กระทำอุปการะเลย ไม่เพ่งเล็งถึงอุปการะที่ผู้อื่นกระทำในตน แล้วกระทำการอุปการะ ผู้นั้นก็ชื่อว่าบุพพการีเปรียบเหมือนบิดามารดาพวกหนึ่ง อาจารย์และอุปัชฌาย์พวกหนึ่ง บุพพการี บุคคลนั้น ชื่อว่าหาได้โดยยาก เพราะความที่สัตว์ทั้งหลายถูกตัณหาครอบงำไว้.


ความคิดเห็น 11    โดย เมตตา  วันที่ 7 มี.ค. 2562

พระอภิธรรมปิฎก ธาตุกถา-บุคคลบัญญัติ เล่ม ๓ หน้า ๒๖๘

บุคคลใด รู้อุปการะที่ผู้อื่นกระทำในตน ประกาศอยู่ซึ่งอุปการะที่เป็นไปตามสมควรแก่อุปการะที่ผู้อื่นกระทำแล้ว ผู้นั้นชื่อว่า กตัญญูกตเวทีเปรียบเหมือน บุคคลผู้ปฏิบัติชอบในมารดา และบิดา หรือในอาจารย์ และอุปัชฌาย์ทั้งหลาย. กตัญญูกตเวทีบุคคลนั้น ชื่อว่า หาได้โดยยาก เพราะความที่สัตว์ทั้งหลายถูกอวิชชาครอบงำไว้.

...คลิกอ่านได้ที่...

กตัญญูกตเวทีบุคคล ๑ เป็นแก้วที่หาได้ยาก


ความคิดเห็น 12    โดย chatchai.k  วันที่ 20 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ