ไฟ ๗ กอง [ปฐมอัคคิสูตร]
โดย JANYAPINPARD  5 ก.ค. 2553
หัวข้อหมายเลข 16655

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตกนิบาต เล่ม ๔ - หน้าที่ 111

๓. ปฐมอัคคิสูตร

[๔๓] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ไฟ ๗ กองนี้. ไฟ ๗ กองเป็นไฉนคือ ไฟคือราคะ ๑ ไฟคือโทสะ ๑ ไฟคือโมหะ ๑ ไฟคืออาหุไนย-บุคคล ๑ ไฟคือคหบดี ๑ ไฟคือทักขิไณยบุคคล ๑ ไฟเกิดแต่ไม้ ๑ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ไฟ ๗ กองนี้แล. จบ ปฐมอัคคิสูตรที่ ๓

อรรถกถาปฐมอัคคิสูตรที่ ๓

ปฐมอัคคิสูตรที่ ๓ มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้. กิเลสทั้งหลายมีราคะ เป็นต้น แม้ทั้งหมด ชื่อว่า อคฺคิไฟเพราะอรรถว่าตามเผาผลาญ. ส่วนบทเป็นต้นว่า อาหุเนยฺยตฺคิ นี้พึงทราบวินิจสัยดังต่อไปนี้ สักการะท่านเรียกว่า อาหุนะ ชนเหล่าใดย่อมควรซึ่งอาหุนะ เหตุนั้น ชนเหล่านั้น ชื่อว่า อาหุเนยยา ชนผู้ควรซึ่ง อาหุนะ. จริงอยู่ มารดาและบิดาทั้งหลาย บุตรทั้งหลายเพราะท่านทั้งสองเป็นผู้มีอุปการมากแก่บุตรทั้งหลาย บุตรทั้งหลายปฏิบัติผิดในมารดาและบิดาทั้ง ๒ นั้น ย่อมบังเกิดในอบายมีนรกเป็นต้น เพราะเหุนนั้น ถึงแม้มารดาและบิดา จะมิได้ตามเผาผลาญอยู่ก็จริง ถึงกระนั้นท่านทั้ง ๒ ก็ยังเป็นปัจจัยแก่การตามเผาผลาญอยู่ ดังนั้น ท่านเรียก มารดาบิดาว่า อาหุเนยยัคคิ เพราะอรรถว่าตามเผาผลาญนั่นแล. ก็เจ้าบ้านท่านเรียกว่า คหบดี จริงอยู่ คหบดีนั้น มีอุปการะมากแก่มาตุคาม ด้วยการมอบให้ ที่นอน เสื้อผ้า และเครื่องประดับเป็นต้น มาตุคามผู้นอกใจสามีนั้น ย่อมบังเกิดในอบายมีนรก เป็นต้น เพราะเหตุนั้น สามีแม้นั้น ท่านก็เรียกว่าคหปตัคคิ เพราะอรรถว่าตามเผาผลาญ โดยนัยก่อนนั่นแล. ส่วนในคำว่า ทกฺขิเณยฺยคฺคิ นี้ มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้. ปัจจัย๔ ชื่อว่า ทักษิณา ภิกษุสงฆ์ชื่อว่า ทักขิเณยยบุคคล ผู้ควรแก่ทักษิณา. จริงอยู่ ภิกษุสงฆ์นั้น ย่อมเป็นผู้มีอุปการะมาก แก่คฤหัสถ์ทั้งหลาย ด้วยการประกอบไว้ในกัลยาณธรรมทั้งหลายมีอาทิอย่างนี้คือ ในสรณะ ๓ ศีล ๕ ศีล ๑๐ การบำรุงมารดาและบิดา การบำรุงสมณะและพราหมณ์ ผู้ตั้งอยู่ในธรรม คฤหัสถ์ผู้ปฏิบัติผิดในภิกษุสงฆ์นั้น ด่า บริภาษ ภิกษุสงฆ์ ย่อมบังเกิดในอบายทั้งหลาย มีนรกเป็นต้น เพราะเหตุนั้น ภิกษุสงฆ์นั้น ท่านเรียกว่า ทักขิเณยยัคคิไฟคือทักขิเณยยบุคคล เพราะอรรถว่า ตามเผาผลาญโดยนัยก่อนนั่นแล. ไฟตามปกติที่เกิดแต่ไม้ ชื่อว่า กัฏฐัคคิ ไฟเกิดแต่ไม้. จบ อรรถกถาปฐมอัคคิสูตรที่ ๓