ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
สนทนาธรรมกับท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ถอดเทปโดย คุณย่าสงวน สุจริตกุล
เพราะฉะนั้น ที่กล่าวถึง "ช่องว่าง" ระหว่างบุคคลต่างๆ จะทราบได้ว่าเกิดจาก "อกุศลธรรม" ทั้งสิ้น ถ้า "ขัดเกลาอกุศลธรรม" ออกไปได้ มากเท่าไรก็ลด "ช่องว่าง" ระหว่างบุคคล ออกไปได้ มากเท่านั้น
เหตุคือ "การประจักษ์ในลักษณะ" ของสภาพธรรมที่ปรากฏตามปกติตามความเป็นจริง ว่าแท้จริงแล้วเป็นเพียงนามธรรมหรือรูปธรรมเท่านั้น เป็นสภาพธรรมเสมอกันทั้งหมด
ถึงแม้ว่าใครจะมี "อกุศลธรรม" มากเท่าไร ก็ไม่ใช่ "เขา" แต่เป็นเพียง "อกุศลธรรม" เท่านั้นที่เป็นผลจากการสะสมอกุศลธรรมนั้นๆ มามากจนกระทั่ง ล่วงออกมาทางกาย ทางวาจา แล้วปรากฏให้ทราบได้
เพราะฉะนั้น เมื่อ "สติ" ระลึกตรงลักษณะของสภาพธรรมต่างๆ มากขึ้น ความเป็นเรา ความเป็นเขา ความเป็นใครๆ ก็จะค่อยๆ ลดน้อยลงๆ เพราะทราบว่า เป็นเพียงสภาพธรรมที่เป็นนามธรรมและรูปธรรมเท่านั้น ช่องว่างที่เคยมีความไม่เสมอกันว่าเป็นเขา เป็นเราก็ค่อยๆ ลดน้อยลงๆ
เพราะฉะนั้น ด้วยเหตุนี้ ด้วยความเข้าใจอย่างนี้จึงเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้ขณะที่กำลังคิดถึงบุคคลอื่น หรือขณะที่แสดงออกต่อบุคคลอื่นทั้งทางกาย ทางวาจาก็ย่อมเป็นไปด้วยความเมตตา เพราะกุศลธรรมขัดเกลาอกุศลธรรม ให้เบาบาาลง ที่เคยคิดว่า เป็นเรา เป็นเขา เป็นใครๆ นั้นแท้จริงคือ สภาพธรรมที่เป็นนามธรรมหรือรูปธรรมเกิดขึ้น แล้วดับไป สืบต่อกันตลอดเวลา ตามเหตุตามปัจจัยเท่านั้นเอง
"รู้" ได้ด้วย "เหตุ" คือ "สติ" ระลึกตรงลักษณะของสภาพธรรมนั้นๆ และ "ปัญญา" รู้ลักษณะของสภาพธรรมนั้นๆ ตรงขณะที่สติระลึกว่าเป็น นามธรรมหรือรูปธรรมที่เกิดขึ้นตามเหตุ ตามปัจจัยตามปกติ ตามความเป็นจริง ในชีวิตประจำวันซึ่งก็คือ"การอบรมเจริญสติปัฏฐาน"
ขออนุโมทนา
อนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
สาธุ
เตือนให้ "เจริญกุศลทุกประการ"
ด้วยความเข้าใจว่าเมื่อมีเหตุปัจจัยถึงพร้อม
ไม่ใช่เรา เจริญกุศล
อนุโมทนา
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ