จุติจิต ปฏิสนธิจิต เป็นจิตประเภทเดียวกันไหม ถ้าการเกิดเป็นคนเกิดด้วยมหากุศลดวงใดดวงหนึ่ง แสดงว่าจุติจิตและปฏิสนธิจิตก็คือมหากุศลดวงที่นำเกิดใช่หรือไม่ ขอความกรุณาช่วยอธิบายละเอียดด้วย
ขอบพระคุณค่ะ
จุติจิต ปฏิสนธิจิต เป็นจิตประเภทเดียวกัน คือ เป็นจิตชาติวิบาก การเกิดเป็น มนุษย์เป็นผลของมหากุศลดวงใดดวงหนึ่ง คือ มหาวิบากหรืออเหตุกกุศลวิบาก สันตีรณก็ได้เมื่อปฏิสนธิ คือ เกิดขึ้นด้วยวิบากจิตประเภทใด ย่อมจุติด้วย วิบากจิตประเภทนั้น สรุป คือ มหากุศลเป็นจิตชาติกุศล เป็นจิตประเภทเหตุ ทำกิจปฏิสนธิหรือจุติไม่ได้ผลของมหากุศล คือ มหาวิบาก เป็นต้น ย่อมทำกิจ ปฏิสนธิและจุติได้
อนุโมทนา
ข้อความจากหนังสือ ปรมัตถธรรมสังเขป ของท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ระบุถึง จิตที่ทำกิจปฏิสนธิ ภวังค์ และจุติ เป็นจิตชาติวิบาก ๑๙ ดวง คือ กามาวจร วิบากจิต ๑๐ ดวง รูปาวจรวิบากจิต ๕ ดวง และอรูปาวจรวิบาจิต ๔ ดวงครับ และ มีข้อความว่า “เมื่อวิบาก จิตประเภทใดทำปฏิสนธิกิจ วิบากจิตประเภทเดียวกันนั้น เองก็ทำภวังคกิจและจุติกิจ”
ในชาตินี้ปฏิสนธิ เป็นคนแล้ว ก็ทำหน้าที่ภวังค์ ต่อเมื่อมีเหตุให้จุติเกิดคือตาย ขอเรียนถามว่า จุติจิตมีอะไร เป็นปัจจัยให้เกิด ในเมื่อจุติจิตมีอารมณ์ของชาติก่อน เมื่อจุติจิตเกิดปฏิสนธิเกิดทันที่โดยไม่มีระหว่างคั่น เหมือนจุติจิตถูกกำหนดไว้แล้ว ว่าต้องเป็นแบบนี้
จุติจิตเป็นชาติวิบากใช่มั้ยค่ะ จุติจิตจึงเป็นวิปากปัจจัย ทำกิจเคลื่อนจากภพชาติคือ ความเป็นบุคคลนั้น (หมดกรรมที่จะให้ผลเป็นบุคคลนั้นๆ อีกต่อไป) เมื่อจุติดับไป แล้ว ปฏิสนธิจิตต้องเกิดสืบต่อทันทีสำหรับผู้ที่ยังมีกิเลส โดยความเป็นอนันตรปัจจัยและสมนันตรปัจจัย จะเป็นจิตดวงอื่นไม่ได้ค่ะ
ขอเรียนถามว่าวิปากปัจจัยหมายถึงอะไร อย่างไรถึงเป็นวิปากปัจจัย วิบากจะเป็นผล ให้เกิดวิบากได้อย่างไร
วิปากปัจจัย หมายถึง วิบากจิตและวิบากเจตสิกที่เกิดร่วมกัน และต่างก็เป็นปัจจัยแก่ กันและกัน ทำกิจรับรู้อารมณ์ต่างๆ ที่มากระทบทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และทางใจ เพื่อรับผลของกรรมทั้งที่เป็นกุศลและอกุศล จึงหมายถึงนามขันธ์ ๔ เท่านั้น ซึ่งเป็นสภาพรู้ วิบากจึงเป็นการรับผลของกรรมเพียงอย่างเดียว ไม่ใช่เหตุ แต่เหตุ คือ กรรมที่ได้กระทำแล้วโดยมีเจตนาเป็นกรรมปัจจัย เมื่อจุติจิตดับไปแล้ว ปฏิสนธิจิต (ซึ่งเป็นชาติวิบาก) เกิดสืบต่อทันทีเพราะยังมีเหตุ คือ กิเลสที่ยังไม่ได้ดับ
อนุโมทนาค่ะ
อยากให้อธิบาย ว่า อะไร คือ จิต เอาแบบสั้นๆ ง่ายๆ นะครับ
จิตเป็นสภาพรู้ (สั้นและง่ายที่สุด) เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้ เมื่อเกิดขึ้นต้องรู้สิ่งหนึ่งสิ่งใด คือ รู้สิ่งที่มากระทบทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ สิ่งที่จิตรู้เรียกว่า อารมณ์ ของจิต
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
อบรมปัญญาให้เข้าใจความจริง จะเป็นประโยชน์ทั้งชาตินี้ และชาติต่อๆ ไป กุศลที่ทำได้เสมอๆ คือ การฟังพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง มีคุณค่ามหาศาลสำหรับชีวิตที่ต้องเดินทางต่อไป อีกแสนไกล และกันดาร
ขอเชิญศึกษาพระธรรม...
รวมลิงก์เมนูต่างๆ ในเว็บไซต์
พระไตรปิฎก
ฟังธรรม
วีดีโอ
ซีดี
หนังสือ
กระดานสนทนา