คำกล่าวที่ว่า ยิงไกล ยิงไว หมายถึงอย่างไร
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ท่านอาจารย์สุจินต์ อธิบาย ยิงไกล และ ยิงไว ได้ละเอียดลึกซึ้งแล้วครับ เชิญอ่านได้ ทั้ง 2 ความเห็น รวมทั้งอ่านข้อความพระไตรปิฎกโดยตรงได้ ตามลิ้งค์ ครับ
ท่านอาจารย์ ไม่ใช่เรื่องอนุญาต แต่เป็นเรื่องสภาพธรรมตามความเป็นจริง นามธรรมทั้งหมด ไม่ว่าริษยา ก็เป็นนามธรรม หมั่นไส้ ก็เป็นนามธรรม เพราะฉะนั้นถ้าไม่ใช่เป็นผู้มีปกติเจริญสติปัฏฐาน จะไม่เข้าใจพยัญชนะที่ว่า ผู้เจริญสติปัฏฐาน คือผู้ที่อบรมเจริญปัญญา เหมือนนักรบที่ยิงไกลและยิงไว จะไม่เข้าใจเลยถ้าไม่ใช่ผู้เจริญสติปัฏฐานจริงๆ แต่ถ้าเป็นผู้มีปกติเจริญสติปัฏฐานโดยถูกต้องและอบรมแล้ว จะรู้ได้เลยว่าสภาพธรรมทั้งหลายไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชา แล้วก็ไม่มีตัวตน แล้วสภาพธรรมที่อาศัยเหตุปัจจัยเกิดขึ้น ทางตา ทางกาย ทางใจ เป็นไปอย่างรวดเร็วและสั้นมาก ถ้าสติไม่เกิด ขณะนี้อาจจะกำลังจดจ้องอยู่ที่หนึ่งที่ใด กำลังสนใจที่หนึ่งที่ใด แต่ว่าถ้าสติเกิดละคลายความติด เพราะฉะนั้นก็แล้วแต่สภาพธรรมใดจะมีปัจจัยเกิดขึ้นปรากฏ จะเห็นสภาพธรรมนี้ละเอียดขึ้น เพราะว่าเพียงเสียงนิดเดียว ก็ได้ยินแล้ว ลองสิคะ เวลานี้อาจจะเป็นน้ำฝนหยด นี่โดยพยัญชนะที่ใช้คำว่า เสียงน้ำฝนหยด แต่ความจริงนั้นเสียงนั้น เล็กแผ่ว แต่ก็ดัง และก็รู้แล้ว เพราะฉะนั้นปัญญาที่รู้นี้ รู้ในขณะที่เสียงปรากฏ ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน แล้วทันทีที่เสียงนั้นหมดไป สภาพธรรมอื่นมีปัจจัยเกิดสติก็ระลึกรู้ในลักษณะของสภาพธรรมนั้น เพราะฉะนั้น จะเห็นความเป็นปริตธรรม คือธรรมซึ่งอาศัยเหตุปัจจัยเกิดแล้วดับอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งเห็นว่า ไม่มีสาระไม่ว่าจะสุข ความรู้สึกนิดเดียว ก็เปลี่ยนเป็นเห็น เปลี่ยนเป็นได้ยิน เปลี่ยนเป็นการรู้สึกแข็ง สามารถที่จะยิงไกล คือสิ่งซึ่งเวลาที่สติปัฏฐานไม่เกิด แล้วจะเหมือนไม่ปรากฏ แต่ความจริงแล้ว จิตได้ยิน แต่โมหะแทนปัญญา เพราฉะนั้นจึงไม่รู้ในเสียงที่ปรากฏ ผ่านไปเหมือนกับว่าไม่ได้ยิน หรือว่ากำลังเห็นก็ผ่านไปเหมือนไม่เห็น แต่ถ้าปัญญาสามารถที่จะระลึกรู้ลักษณะได้ทั่วทั้ง ๖ ทวาร แล้วเป็นผู้ที่ยี่งรู้ก็ยิ่งละ สภาพธรรมก็จะยิ่งปรากฏโดยละเอียดขึ้น เหมือนกับการยิงซึ่งยิงได้ไกลมาก ไม่ว่าสิ่งนั้นจะปรากฏเพียงเล็กน้อย นิดหน่อย สักเท่าไร ทางตา ทางกาย ทางใจเพียงแวบเดียวที่เกิดขึ้นปรากฏก็สามารถจะรู้ในลักษณะที่เป็นนามธรรมหรือรูปธรรมได้ นี่คือผู้ยิงไกล คือสิ่งซึ่งแต่ก่อนนี้ไม่เคยสังเกต ไม่เคยรู้ว่าเกิดขึ้นเพียงชั่วขณะสั้นๆ แล้วดับ เพราะว่าเป็นผู้ที่ไม่สนใจในเสียงนั้น ในกลิ่นนั้น แล้วก็หลงลืมสติ เพราะว่าอวิชชา ทำให้ไม่รู้ลักษณะของสภาพธรรมนั้น แต่สติมีลักษณะตรงกันข้ามกับอวิชชา เพราะว่าสภาพธรรมใดที่ปรากฏเป็นปกติ เวลาสติระลึกสภาพธรรมนั้นก็ปรากฏเหมือนปกติ แต่ปรากฏกับสติด้วย อย่างแข็งนี้ทุกคนก็กระทบได้ก็มีสภาพที่รู้แข็งคือ กายวิญญาณ ไม่ใช่เรา เป็นสภาพรู้อาศัยกาย จึงเกิดขึ้นรู้สิ่งที่กำลังกระทบสัมผัสว่า แข็ง ขณะนั้นโดยปกติ และหลงลืมสติ แต่ถ้าเป็นผู้ที่มีสติ แข็งนั้นก็ปกติกับสติด้วย ด้วยเหตุนั้นจึงรู้ลักษณะของแข็งแล้วก็รู้ว่าเป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่ง พร้อมกันนั้นก็รู้ว่า ไม่ใช่เราที่กำลังรู้แข็ง แต่เป็นสภาพรู้ เป็นอาการรู้เท่านั้น นี่คือปกติธรรมดาจริงๆ แต่ปัญญาเท่านั้นที่เจริญขึ้นๆ จนสามารถที่จะประจักษ์การเกิดขึ้นและดับไป จึงชื่อว่ายิงไว เพราะว่าทันทีที่สภาพธรรมเกิดแล้วดับ ก็สามารถที่จะรู้ได้ตามความเป็นจริง
เป็นผู้ที่ยิงไกลและยิงไว
สุ. “ต้องเป็นผู้ที่ยิงไกลและยิงไว” ข้อความนี้จะมีอยู่ในพระไตรปิฎก แต่ขึ้นอยู่กับว่า เราสามารถเข้าใจความหมายและการอบรมแค่ไหนอย่างไร อย่างโลภะของเรา เราเห็นอย่างหยาบๆ ใกล้หรือไกลคะที่เราเห็นได้ โลภะที่เรามีเป็นประจำ ที่เราพอจะรู้ได้ว่า เราติดข้องในสิ่งนั้นสิ่งนี้ หยาบพอที่จะให้เรารู้ว่า เราติดข้อง สิ่งนั้นใกล้หรือไกล โลภะที่ติดข้องแม้ในธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม ซึ่งปรากฏเป็นเพียงธาตุ ถ้าใครบอกว่า ไม่มีโลภะ ติดข้อง เป็นพระอรหันต์แล้วค่ะ เพราะฉะนั้น เราจะรู้ไหมถึงความละเอียดของโลภะ ซึ่งไม่มีอะไรเลย เป็นวิปัสสนาญาณ แล้วก็เพียงรูปธรรม จะเป็นร้อน หรือจะเป็นแข็ง จะเป็นอะไรก็ตามแต่ แต่มีความติดข้องว่า เป็นเรา เพราะว่าความเป็นเรา แต่ละคนก็ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ใช่ไหมคะ ศีรษะจรดเท้า ลักษณะของรูปหนึ่งรูปใดไม่ปรากฏ แต่เวลาที่ปรากฏไม่ใช่ศีรษะจรดเท้า เฉพาะส่วนหนึ่งที่แข็ง แต่ถ้าเป็นวิปัสสนาญาณ ลักษณะที่แข็งที่ไม่ได้เป็นก้อนใหญ่โต แต่ว่ามีอากาศธาตุแทรกคั่นอยู่ แต่ว่าความเป็นเราจะยังคงเหลืออยู่หรือเปล่าหรือ ความร้อนหรือความอ่อน ก็ตามแต่ ธรรมดาๆ อย่างนี้ถึงแม้ว่ารู้แล้ว ผ่านมาที่จะเข้าใจถูกต้อง แต่เวลาที่ไม่ใช่วิปัสสนาญาณ โลภะมีไหม หมดหรือยัง ผู้นั้นต้องเป็นผู้ละเอียดจริงๆ และโลภะนั้นไกลหรือใกล้ เห็นไหมคะ ไกลหรือใกล้ อย่างนั้นต้องไกล ถ้าละเอียดกว่านั้นต้องไกล แต่ถ้าสามารถจะรู้ได้ธรรมดาในชีวิตประจำวันคือ ใกล้ คือสามารถจะเห็นตัวใหญ่ๆ ตัวโตๆ ได้ แต่ตัวไกลที่ละเอียดที่ต้องอาศัยปัญญาที่ละเอียดขึ้นจึงจะละได้ ก็เป็นสิ่งที่ไกล เพราะฉะนั้นผู้ที่จะรู้แจ้งอริยสัจจธรรมต้องเป็นนักรบที่ยิงไกลและยิงไว “ไว” คือสามารถประจักษ์การเกิดขึ้นและดับไป เพราะเหตุว่าขณะนี้สืบต่อกันโดยที่สติไม่เกิดคั่นไม่ระลึก ไม่รู้ ไม่สามารถประจักษ์การเกิดดับ ขณะนั้นก็ยังไม่ใช่ผู้ที่ยิงไว
ขอเชิญอ่านข้อความในพระไตรปิฎกโดยตรงได้ที่นี่ ครับ
ยิงไกล ยิงไว [โยธสูตร]
ขออนุโมทนา
กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สิ่งสำคัญคือ ความเข้าใจถูกเห็นถูก เริ่มตั้งแต่ในขั้นของการฟัง ค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย เพราะถ้าไม่เริ่มต้นจากตรงนี้ ไม่สามารถที่จะเป็นนักรบที่ยิงไกล ยิงไวได้เลย
พระพุทธศาสนา เป็นคำสอนที่เป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกโดยตลอด เป็นจริงทุกคำ เพื่อเข้าใจสภาพธรรมที่มีจริงๆ ในขณะนี้ตามความเป็นจริง ซึ่งจะต้องอาศัยความอดทน ความเพียร และมีความจริงใจในการฟัง ในการศึกษาอย่างแท้จริง ครับ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง และ ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ
ยิงไกล ยิงไว เป็นเรื่องของปัญญาที่รู้นามธรรม รูปธรรมตามความเป็นจริง ค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ