* เมื่อไม่เข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง ก็ถูกอกุศลลวงว่าเป็นกุศล เช่น
- ความรัก ความผูกพัน เป็นอกุศล คือโลภะ แต่เมื่อไม่รู้ว่าเป็นโลภะ ก็ลวงว่าเป็นความเมตตา เช่น รักคนที่เราผูกพัน หรือสัตว์เลี้ยงที่น่ารัก และดูแลเขาอย่างดี จึงลวงเหมือนเป็นเมตตา แต่ความจริงแล้วเมตตา ต้องเป็นกุศลที่เป็นความเป็นมิตรเป็นเพื่อน ไม่ใช่ความรัก ความผูกพัน เพราะเมตตาจะไม่ติดข้อง และไม่นำมาซึ่งความทุกข์ความโศกเศร้า เมื่อคน สัตว์นั้น ต้องพลัดพรากไป
- การเป็นผู้กล่าวคำส่อเสียด (ด้วยจิตที่เป็นอกุศล) ย่อมลวงเหมือนเป็นผู้กล่าวคำจริง เพราะที่จริงแล้ว แม้จะนำเรื่องจริงของผู้อื่นมากล่าว แต่จิตต้องการส่อเสียดให้เขาแตกกันหรือเกิดความเสียหาย โดยอ้างว่าพูดความจริง
* และที่ซ้ำร้ายยิ่งไปกว่านั้น ก็คือ ยังยึดถือในอกุศล (ที่ลวงว่าเป็นกุศล) นั้น ว่าเป็นเราอีกด้วย จึงยิ่งพอกพูนความไม่รู้และความยึดถือผิดเพิ่มมากขึ้น
* การที่จะไม่ถูกอกุศลลวงว่าเป็นกุศล ก็ต่อเมื่อได้เข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริงว่า ธรรมใดเป็นกุศล มีคุณ ธรรมใดเป็นอกุศล มีโทษ
โดย อ.อรรณพ หอมจันทร์
อ่านหัวข้ออื่นๆ คลิกที่นี่ ... คติธรรม
ขออนุโมทนาครับ
เมื่อไม่เข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง ก็ถูกอกุศลลวงว่าเป็นกุศล