คือว่าแฟนที่บวชเป็นพระ ตอนแรกตั้งใจจะสึกปลายปีวันที่ ๕ ธันวา แต่มาบอกว่าจะสึกวันที่ ๑๕ เดือนหน้าแล้ว มันเป็นวันอะไร ทำไมไม่ดีใจเลย ไม่รู้ แต่เขาอยากให้ฉันไปหาวันที่สึก เขานึกถึงฉันก่อนเลย แต่ดิฉันกลับคิดว่าทำไมเขาไม่นึกถึงลูก ก่ะ แม่เขาก่อน ทำไมไม่ดีใจไม่รู้ แบบว่าอยากให้บวชจนถึงปลายปีมากกว่า เผื่อว่าจะได้บุญเยอะๆ แล้วก็ขัดเกลาให้เป็นผู้ใหญ่ขึ้น แบบนี้เป็นอกุศลจิตรึป่าว
ควรทราบความจริงว่า ในวันๆ หนึ่งขณะจิต (ชวน) ของปุถุชนทั้งหลาย โดยมากเป็นไปกับอกุศลเป็นส่วนมาก เพราะถ้าจิตไม่เป็นไปในทาน ศีลและภาวนา ขณะนั้นก็เป็นอกุศล ไม่โลภะ ก็โทสะ หรือไม่ก็โมหะ ฉะนั้น ความคิดเรื่องของคนอื่นต่างๆ นาๆ อยากให้คนโน้นเป็นอย่างนั้น อยากให้คนนี้เป็นอย่างนี้เป็นอกุศลทั้งสิ้น
บูญอยู่ที่จิต มิใช่อยู่ที่เครื่องแบบที่ใส่
ขออนุโมทนา
เป็นธรรมดาปุถุชนมีปกติหลงลืมสติ ถ้าไม่เป็นไปในทาน ศีล ภาวนา เราจึงต้องหมั่นเจริญกุศล เพราะขณะที่กุศลจิตเกิด ขณะนั้นเป็นเครื่องกั้นอกุศลชั่วขณะ เราไม่สามารถห้ามความคิดได้ แม้รู้ว่าเป็นอกุศลจิตที่คิด แต่เราก็สามารถอบรมเจริญสติปัฏฐานได้ ถ้าเราฟังธรรมแล้วเข้าใจ เมื่อมีเหตุปัจจัยพร้อมสติก็จะเกิดเองค่ะ
คำว่า " บุญ " แปลว่าชำระสันดาน ผู้ที่ออกบวชคือ ผู้ที่เห็นโทษของกาม และยินดีพอใจที่จะขัดเกลากิเลสในเพศของบรรพชิต ถ้าไม่ยินดีในการบวชและไม่ได้อบรมตนเพื่อการขัดเกลา ขณะนั้นเป็นบุญหรือเปล่า?
สัตว์โลกย่อมไปเป็นตามกรรม สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามเจตนา มีเหตุปัจจัยพร้อมเสร็จสรรพให้เกิดเจตนา เกิดความมั่นหมายไว้ คิดจะสึก ไม่ช้าหรือเร็ว ก็ต้องสึกกำหนดกะเกณฑ์ให้เกิดตามใจเราคิดทุกอย่าง ย่อมไม่เป็นไปตามนั้นได้เลยครับ อีกอย่าง บุญน้อยลง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่า อยู่ในผ้าเหลืองไม่นานถึงวันนั้น วันนี้แล้วสึกเสียก่อน พึง อดทน เบิกบาน ร่าเริง มั่นคง ในการศึกษาพระธรรม เพื่อพิจารณารักษาขณะจิตของตนต่อไปครับ
การดำริอย่างนี้ เป็นเรื่องที่ถูกต้องนะ เพราะกอรปด้วยธรรมะ คือมีจิตคิดอยากให้เพิ่นพูลบุญกุศลต่อไป ความคิดนี้ชอบแล้ว
ยินดีในกุศลจิตค่ะ