[เล่มที่ 33] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาคที่ ๒ - หน้า 444
ธรรมวรรคที่ ๔
สูตรที่ ๑ ว่าด้วยธรรม ๒ อย่าง 332/444
สูตรที่ ๒ ว่าด้วยธรรม ๒ อย่าง 333/444
สูตรที่ ๓ ว่าด้วยธรรม ๒ อย่าง 334/444
สูตรที่ ๔ ว่าด้วยธรรม ๒ อย่าง 335/444
สูตรที่ ๕ ว่าด้วยธรรม ๒ อย่าง 336/445
สูตรที่ ๖ ว่าด้วยธรรม ๒ อย่าง 337/445
สูตรที่ ๗ ว่าด้วยธรรม ๒ อย่าง 338/445
สูตรที่ ๘ ว่าด้วยธรรม ๒ อย่าง 339/445
สูตรที่ ๙ ว่าด้วยธรรม ๒ อย่าง 340/446
สูตรที่ ๑๐ ว่าด้วยธรรม ๒ อย่าง 341/446
สูตรที่ ๑๑ ว่าด้วยธรรม ๒ อย่าง 342/446
อรรถกถาสูตรที่ ๑ 447
อรรถกถาสูตรที่ ๒ 447
อรรถกถาสูตรที่ ๓ 447
อรรถกถาสูตรที่ ๔ 448
อรรถกถาสูตรที่ ๕ 448
อรรถกถาสูตรที่ ๖ - ๗ 448
อรรถกถาสูตรที่ ๘ 448
อรรถกถาสูตรที่ ๙ 448
อรรถกถาสูตรที่ ๑๐ 449
อรรถกถาสูตรที่ ๑๑ 449
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 33]
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาคที่ ๒ - หน้า 444
ธรรมวรรคที่ ๔
สูตรที่ ๑
[๓๓๒] ๘๖. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างนี้ ๒ อย่างเป็นไฉน คือ เจโตวิมุตติ ๑ ปัญญาวิมุตติ ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างนี้แล.
จบสูตรที่ ๑
สูตรที่ ๒
[๓๓๓] ๘๗. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างนี้ ๒ อย่างเป็นไฉน คือ ความเพียร ๑ ความไม่ฟุ้งซ่าน ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างนี้แล.
จบสูตรที่ ๒
สูตรที่ ๓
[๓๓๔] ๘๘. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างนี้ ๒ อย่างเป็นไฉน คือ นาม ๑ รูป ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างนี้แล.
จบสูตรที่ ๓
สูตรที่ ๔
[๓๓๕] ๘๙. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างนี้ ๒ อย่างเป็นไฉน คือ วิชชา ๑ วิมุตติ ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างนี้แล.
จบสูตรที่ ๔
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาคที่ ๒ - หน้า 445
สูตรที่ ๕
[๓๓๖] ๙๐. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างนี้ ๒ อย่างเป็นไฉน คือ ภวทิฏฐิ ๑ วิภวทิฏฐิ ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างนี้แล.
จบสูตรที่ ๕
สูตรที่ ๖
[๓๓๗] ๙๑. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างนี้ ๒ อย่างเป็นไฉน คือ ความไม่ละอาย ๑ ความไม่เกรงกลัว ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างนี้แล.
จบสูตรที่ ๖
สูตรที่ ๗
[๓๓๘] ๙๒. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างนี้ ๒ อย่างเป็นไฉน คือ หิริ ๑ โอตตัปปะ ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างนี้แล.
จบสูตรที่ ๗
สูตรที่ ๘
[๓๓๙] ๙๓. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างนี้ ๒ อย่างเป็นไฉน คือ ความเป็นคนว่ายาก ๑ ความเป็นผู้มีมิตรชั่ว ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างนี้แล.
จบสูตรที่ ๘
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาคที่ ๒ - หน้า 446
สูตรที่ ๙
[๓๔๐] ๙๔. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างนี้ ๒ อย่างเป็นไฉน คือ ความเป็นคนว่าง่าย ๑ ความเป็นผู้มีมิตรดี ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างนี้แล.
จบสูตรที่ ๙
สูตรที่ ๑๐
[๓๔๑] ๙๕. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างนี้ ๒ อย่างเป็นไฉน คือ ความเป็นผู้ฉลาดในธาตุ ๑ ความเป็นผู้ฉลาดในมนสิการ ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างนี้แล.
จบสูตรที่ ๑๐
สูตรที่ ๑๑
[๓๔๒] ๙๖. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างนี้ ๒ อย่างเป็นไฉน คือ ความเป็นผู้ฉลาดในอาบัติ ๑ ความเป็นผู้ฉลาดในการออกจากอาบัติ ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างนี้แล.
จบสูตรที่ ๑๑
จบธรรมวรรคที่ ๔
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาคที่ ๒ - หน้า 447
ธรรมวรรคที่ ๔ (๑)
อรรถกถาสูตรที่ ๑
วรรคที่ ๔ สูตรที่ ๑ (ข้อ ๓๓๒) มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
บทว่า เจโตวิมุตฺติ ได้แก่ ผลสมาธิ สมาธิที่สัมปยุตด้วยอรหัตตผล.
บทว่า ปญฺาวิมุตฺติ ได้แก่ ผลปัญญา ปัญญาที่สัมปยุตด้วยอรหัตตผล.
จบอรรถกถาสูตรที่ ๑
อรรถกถาสูตรที่ ๒
ในสูตรที่ ๒ (ข้อ ๓๓๓) มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
บทว่า ปคฺคาโห ได้แก่ ความเพียร.
บทว่า อวิกฺเขโป ได้แก่ ความที่จิตมีอารมณ์เป็นหนึ่ง.
จบอรรถกถาสูตรที่ ๒
อรรถกถาสูตรที่ ๓
ในสูตรที่ ๓ (ข้อ ๓๓๔) มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
บทว่า นามํ ได้แก่ อรูปขันธ์ทั้ง ๔.
บทว่า รูปํ ได้แก่ รูปขันธ์. ในสูตรนี้ ตรัสญาณเครื่องกำหนดธรรมโกฏฐาส.
จบอรรถกถาสูตรที่ ๓
(๑) วรรคที่ ๔ มี ๑๑ สูตรสั้นๆ จึงรวมอรรถกถาไว้ติดต่อกัน โดยลงเลขท้ายสูตรกำกับไว้ด้วย.
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาคที่ ๒ - หน้า 448
อรรถกถาสูตรที่ ๔
ในสูตรที่ ๔ (ข้อ ๓๓๕) มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
บทว่า วิชฺชา ได้แก่ ผลญาณ.
บทว่า วิมุตฺติ ได้แก่ ธรรมที่เหลือที่สัมปยุตด้วยผลญาณนั้น.
จบอรรถกถาสูตรที่ ๔
อรรถกถาสูตรที่ ๕
ในสูตรที่ ๕ (ข้อ ๓๓๖) มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
บทว่า ภวทิฏฺิ ได้แก่ สัสสตทิฏฐิ.
จบอรรถกถาสูตรที่ ๕
อรรถกถาสูตรที่ ๖ - ๗
ในสูตรที่ ๖ (ข้อ ๓๓๗) และ สูตรที่ ๗ (ข้อ ๓๓๘) มีเนื้อความง่ายทั้งนั้น.
จบอรรถกถาสูตรที่ ๖ - ๗
อรรถกถาสูตรที่ ๘
ในสูตรที่ ๘ (ข้อ ๓๓๙) มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
บทว่า โทวจสฺสตา แปลว่า ความเป็นผู้ว่ายาก.
บทว่า ปาปมิตฺตตา แปลว่า การซ่องเสพปาปมิตร.
จบอรรถกถาสูตรที่ ๘
อรรถกถาสูตรที่ ๙
ในสูตรที่ ๙ (ข้อ ๓๔๐) พึงทราบโดยปริยายตรงข้ามกับที่กล่าวแล้ว.
จบอรรถกถาสูตรที่ ๙
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาคที่ ๒ - หน้า 449
อรรถกถาสูตรที่ ๑๐
ในสูตรที่ ๑๐ (ข้อ ๓๔๑) มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
บทว่า ธาตุกุสลตา ได้แก่ รู้ธาตุ ๑๘ อย่าง ว่าเป็นธาตุ.
บทว่า มนสิการกุสลตา ได้แก่ รู้ธาตุเหล่านั้นนั่นแล ยกขึ้นสู่ลักษณะ ๓ มีอนิจจลักษณะเป็นต้น.
จบอรรถกถาสูตรที่ ๑๐
อรรถกถาสูตรที่ ๑๑
ในสูตรที่ ๑๑ (ข้อ ๓๔๒) มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
บทว่า อาปตฺติกุสลตา ได้แก่ รู้อาบัติ ๕ กอง และ ๗ กอง.
บทว่า อาปตฺติวุฏฺานกุสลตา ได้แก่ รู้การออกจากอาบัติทั้งหลาย ด้วยการแสดงอาบัติก็ตาม ด้วยสวดกรรมวาจาก็ตาม.
จบอรรถกถาสูตรที่ ๑๑
จบธรรมวรรคที่ ๔