[เล่มที่ 37] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต เล่ม ๔ - หน้า 649
วรรคที่ไม่ได้สงเคราะห์เข้าในปัณณาสก์
ยกมวรรคที่ ๓
๗. อิจฉาสูตร
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 37]
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต เล่ม ๔ - หน้า 649
๗. อิจฉาสูตร
[๑๗๔] ณ ที่นั้นแล ท่านพระสารีบุตรเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นรับคำท่านพระสารีบุตรแล้ว ท่านพระสารีบุตรได้กล่าวว่า ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย บุคคล ๘ จำพวกนี้มีปรากฏอยู่ในโลก ๘ จำพวกเป็นไฉน.
ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ชอบสงัด ไม่ เจริญกรรมฐานให้ติดต่อเนื่องกันไป ย่อมเกิดความปรารถนาเพื่อ ได้ลาภ เธอย่อมหมั่นเพียรพยายามเพื่อได้ลาภ เมื่อเธอหมั่นเพียร พยายามเพื่อให้ได้ลาภ ลาภไม่เกิดขึ้น เธอย่อมเศร้าโศก ลำบาก ร่ำไร ทุบอกคร่ำครวญ ถึงความหลงใหล เพราะไม่ได้ลาภนั้น ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย ภิกษุนี้เรียกว่าผู้มีความปรารถนาลาภ หมั่นเพียรพยายามเพื่อได้ลาภอยู่ แต่ไม่ได้ลาภ เศร้าโศก ร่ำไร และเคลื่อนจากพระสัทธรรม.
อนึ่ง ภิกษุในธรรมทวินัยนี้ ชอบสงัด ไม่เจริญกรรมฐานให้ ติดต่อเนื่องกันไป ย่อมเกิดความปรารถนาเพื่อได้ลาภ เธอย่อมหมั่น เพียรพยายามเพื่อได้ลาภ เมื่อเธอหมั่นเพียรพยายามเพื่อได้ลาภ ลาภเกิดขึ้น เธอย่อมมัวเมาถึงความประมาทเพราะลาภนั้น ดูก่อน อาวุโสทั้งหลาย ภิกษุนี้เรียกว่าผู้มีความปรารถนาลาภ หมั่นเพียร พยายามเพื่อได้ลาภ ได้ลาภแล้ว มัวเมาประมาท และเคลื่อนจาก พระสัทธรรม.
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต เล่ม ๔ - หน้า 650
อนึ่ง ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ชอบสงัด ไม่เจริญกรรมฐานให้ ติดต่อเนื่องกันไป ย่อมเกิดความปรารถนาเพื่อได้ลาภ เธอไม่หมั่น เพียรพยายามเพื่อได้ลาภ เมื่อเธอไม่หมั่นเพียรพยายามเพื่อได้ลาภ ลาภไม่เกิดขึ้น เธอย่อมเศร้าโศก ลำบาก ร่ำไร ทุบอกคร่ำครวญ ถึงความหลงใหล ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย ภิกษุนี้เรียกว่าผู้มีความ ปรารถนาลาภ ไม่หมั่นเพียรพยายามเพื่อได้ลาภ ไม่ได้ลาภ เศร้าโศก ร่ำไร และเคลื่อนจากพระสัทธรรม.
อนึ่ง ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ชอบสงัด ไม่เจริญกรรมฐานให้ ติดต่อเนื่องกันไป ย่อมเกิดความปรารถนาเพื่อได้ลาภ เธอไม่หมั่น เพียรพยายามเพื่อได้ลาภ เมื่อเธอไม่หมั่นเพียรพยายามเพื่อได้ลาภ ลาภเกิดขึ้น เธอย่อมมัวเมาถึงความประมาทเพราะลาภนั้น ดูก่อน อาวุโสทั้งหลาย ภิกษุนี้เรียกว่าผู้มีความปรารถนาลาภ ไม่หมั่นเพียร พยายามเพื่อจะได้ลาภ ได้ลาภแล้ว มัวเมาประมาท และเคลื่อนจาก พระสัทธรรม.
อนึ่ง ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ชอบสงัด ไม่เจริญกรรมฐาน ให้ต่อเนื่องกันไป ย่อมเกิดความปรารถนาเพื่อได้ลาภ เธอหมั่น เพียรพยายามเพื่อได้ลาภ เมื่อเธอหมั่นเพียรพยายามเพื่อได้ลาภ ลาภไม่เกิดขึ้น เธอไม่เศร้าโศก ไม่ลำบาก ไม่ร่ำไร ไม่ทุบอก คร่ำครวญ ไม่ถึงความหลงใหลเพราะไม่ได้ลาภ นั้น ดูก่อนอาวุโส ทั้งหลาย ภิกษุนี้เรียกว่าผู้มีความปรารถนาลาภ หมั่นเพียรพยายาม เพื่อได้ลาภ ไม่ได้ลาภแล้ว ไม่เศร้าโศก ไม่ร่ำไร และไม่เคลื่อน จากพระสัทธรรม.
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต เล่ม ๔ - หน้า 651
อนึ่ง ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ชอบสงัด ไม่เจริญกรรมฐานให้ ติดต่อเนื่องกันไป ย่อมเกิดความปรารถนาเพื่อได้ลาภ เธอหมั่นเพียร พยายามเพื่อได้ลาภ เมื่อเธอหมั่นเพียรพยายามเพื่อได้ลาภ ลาภ เกิดขึ้น เธอไม่มัวเมา ไม่ถึงความประมาทเพราะได้ลาภนั้น ดูก่อน อาวุโสทั้งหลาย ภิกษุนี้เรียกว่าผู้มีความปรารถนาลาภ หมั่นเพียร พยายามเพื่อได้ลาภ ได้ลาภแล้วไม่มัวเมาประมาท และไม่เคลื่อน จากพระสัทธรรม.
อนึ่ง ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ชอบสงัด ไม่เจริญกรรมฐานให้ ติดต่อเนื่องกันไป ย่อมเกิดความปรารถนาเพื่อได้ลาภ เธอไม่หมั่น เพียรพยายามเพื่อได้ลาภ เมื่อเธอไม่หมั่นเพียรพยายามเพื่อได้ลาภ ลาภไม่เกิดขึ้น เธอไม่เศร้าโศก ไม่ลำบาก ไม่ร่ำไร ไม่ทุบอก คร่ำครวญ ไม่ถึงความหลงใหลเพราะไม่ได้ลาภนั้น ดูก่อนอาวุโส ทั้งหลาย ภิกษุนี้เรียกว่าผู้มีความปรารถนาลาภ ไม่หมั่นเพียร พยายามเพื่อได้ลาภอยู่ ไม่ได้ลาภแล้ว ไม่เศร้าโศก ไม่ร่ำไร และ ไม่เคลื่อนจากพระสัทธรรม.
อนึ่ง ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ชอบสงัด ไม่เจริญกรรมฐานให้ ติดต่อเนื่องกัน ย่อมเกิดความปรารถนาเพื่อได้ลาภ เธอไม่หมั่นเพียร พยายามเพื่อได้ลาภ เมื่อเธอไม่หมั่นเพียรพยายามเพื่อได้ลาภ ลาภ เกิดขึ้น เธอไม่มัวเมา ไม่ถึงความประมาทเพราะได้ลาภนั้น ดูก่อน อาวุโสทั้งหลาย ภิกษุนี้เรียกว่าผู้มีความปรารถนาลาภ ไม่หมั่นเพียร พยายามเพื่อได้ลาภ ได้ลาภแล้ว ไม่มัวเมาประมาท และไม่เคลื่อน
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต เล่ม ๔ - หน้า 652
จากพระสัทธรรม ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย บุคคล ๘ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลกนี้.
จบ อิจฉาสูตรที่ ๗