พระสุตตันตปฎกอังคุตตรนิกายเอกนิบาต เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 322
เอตทัคคบาลี
อรรถกถาสูตรที่ ๘
ประวัติพระปณโฑลภารทวาชะ
พระสุตตันตปฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 322
พึงทราบวินิจฉัยในสูตรที่๘ ดังตอไปนี้.
บทวา สีหนาทิกาน ความวา ผูบันลือสีหนาท คือพระบิณโฑลภารทวาชะเปนยอด ไดยินมาวา ในวันบรรลุพระอรหัต ทานถือเอาผารองนั่งออกจากวิหารนี้ไปวิหารโนน ออกจากบริเวณ นี้ไปบริเวณโนน เที่ยวบันลือสีหนาทวา ทานผูใด มีความสงสัย ในมรรคหรือผล ทานผูนั้นจงถามเราดังนี้ ทานยืนตอพระพักตร พระพุทธทั้งหลายบันลือสีหนาทวา ขาแตพระองคผูเจริญ กิจที่ ควรกระทําในศาสนานี้ถึงที่สุดแลว ฉะนั้น ชื่อวาผูยอดของเหลา ภิกษุผูบันลือสีหนาท ก็ในปญหากรรมของทานมีเรื่องที่จะกลาว ตามลําดับตอไปนี้
ไดยินวา ครั้งพระพุทธเจาพระนามวา ปทุมุตตระ พระปณโฑลภารทวาชะนี้ บังเกิดในกําเนิดสีหะ ณ เชิงบรรพต พระศาสดาทรงตรวจดูโลก ทรงเห็นเหตุสมบัติของทาน (ความถึงพรอม แหงเหตุ) จึงเสร็จทรงบาตรในกรุงสาวัตถี ภายหลังเสวยภัตตาหาร แลว ในเวลาใกลรุง เมื่อสีหะออกไปหาเหยื่อ จึงทรงเขาไปยังถ้ํา ที่อยูของสีหะนั้น ประทับนั่งขัดสมาธิในอากาศเขานิโรธสมาบัติ พระยาสีหะไดเหยื่อแลว กลับมาหยุดอยูที่ประตูถ้ํา เห็นพระทศพล ประทับนั่งภายในถ้ํา ดําริวาไมมีสัตวอื่นที่ชื่อวาสามารถจะมา
พระสุตตันตปฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 323
นั่งยังที่อยูของเรา บุรุษนี้ใหญแทหนอ มานั่งขัดสมาธิภายในถ้ํา ได แมรัศมีสรีระของทานก็แผไปโดยรอบ เราไมเคยเห็นสิ่งที่นา อัศจรรยถึงเพียงนี้ บุรุษนี้ จักเปนยอดของปูชนียบุคคลในโลกนี้ แมเราควรกระทําสักการะตามสติกําลังถวายพระองค จึงไปนํา ดอกไมตางๆ ทั้งที่เกิดในปา ทั้งที่เกิดบนบกลาดเปนอาสนะดอกไม ตั้งแตพื้นจนถึงที่นั่งขัดสมาธิ ยืนนมัสการพระตถาคตในที่ตรง พระพักตรตลอดคืนยังรุง รุงขึ้นวันใหมก็นําดอกไมเกาออก เอา ดอกไมใหมลาดอาสนะโดยทํานองนี้ เที่ยวตกแตงปุบผาสนะถึง ๗ วัน บังเกิดปติโสมนัสอยางแรง ยืนเฝาอยูที่ประตูถ้ํา ในวันที่๗ พระศาสดาออกจากนิโรธ ประทับยืนที่ประตูถ้ํา พระยาสีหะราชา แหงมฤคกระทําประทักษิณพระตถาคต ๓ ครั้ง ไหวในที่ทั้ง ๔ แลวถอดออกไปยืนอยู พระศาสดาทรงดําริวา เทานี้จักพอเปน อุปนิสัยแกเธอ เหาะกลับไปพระวิหารตามเดิม ฝายพระยาสีหะนั้น เปนทุกขเพราะพลัดพรากพระพุทธองคกระทํากาละแลวถือปฏิสนธิ ในตระกูลมหาศาลในกรุงหงสวดี เจริญวัยแลว วันหนึ่งไปพระวิหาร กับชาวกรุง ฟงพระธรรมเทศนา บําเพ็ญมหาทาน ๗ วัน โดยนัย ที่กลาวแลวแตหลัง กระทํากาละในภพนั้น เวียนวายอยูในเทวดา และมนุษยทั้งหลาย มาบังเกิดในตระกูลพราหมณมหาศาลใน กรุงราชคฤห ในพุทธุปบาทกาลนี้ โดยชื่อมีชื่อวา ภารทวาชะ ทานเจริญวัยแลว ศึกษาไตรเพทเที่ยวสอนมนตแกมาณพ ๕๐๐ คน ทานรับภิกษาของมาณพทุกคนดวยตนเองเที่ยวในที่ที่เขาเชื้อเชิญ เพราะตนเปนหัวหนา เขาวาทานภารทวาชะนี้เปนคนมักโลเล อยูนิดหนอย คือเที่ยวแสวงหาขาวตมขาวสวยและของเคี้ยวไมวา
พระสุตตันตปฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 324
ในที่ไหนๆ กับมาณพเหลานั้น ในที่ที่ทานไปแลวไปอีกก็ตอนรับ เพียงขาวถวยเดียวเทานั้น ดังนั้น จึงปรากฏชื่อวา ปณโฑลภาระทวาชะ วันหนึ่งเมื่อพระศาสดาเสด็จถึงกรุงราชคฤห ทานไดฟง ธรรมกถา ไดศรัทธาแลว บวชบําเพ็ญวิปสสนา ไดบรรลุพระอรหัตแลว ในเวลาที่ทานบรรลุพระอรหัตนั่นเอง ทานถือเอาผา ปูนั่งออกจากวิหารนี้ไปวิหารโนน ออกจากบริเวณนี้ไปบริเวณโนน เที่ยวบันลือสีหนาทวา ทานผูใดมีความสงสัยในมรรคหรือผล ขอทาน ผูนั้นจงถามเราเถิด
วันหนึ่ง เศรษฐีในกรุงราชคฤหเอาไมไผตอๆ กันขึ้นไป แขวนบาตรไมแกนจันทน มีสีดังดอกชัยพฤกษไวในอากาศ ทาน เหาะไปถือเอาดวยฤทธิ์ เปนผูที่มหาชนใหสาธุการแวดลอมไป พระวิหาร วางไวในพระหัตถของพระตถาคตแลว พระศาสดา ทรงทราบอยูสอบถามวา ภารทวาชะ เธอไดบาตรนี้มาแตไหน ทานจึงเลาเหตุการณที่ไดมาถวาย พระศาสดาตรัสวา เธอแสดง อุตตริมนุสสธรรมเห็นปานนี้แกมหาชน เธอกระทํากรรมสิ่งที่ไมควร ทําแลว ทรงตําหนิโดยปริยายเปนอันมากแลวทรงบัญญัติสิกขาบทวา "ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไมควรแสดงอุตตริมนุสสธรรมอันเปน อิทธิปาฏิหาริยแกพวกคฤหัสถทั้งหลาย ผูใดขืนแสดงตองอาบัติ ทุกกฎ" ดังนี้ ทีนั้นเกิดพูดกันในทามกลางภิกษุสงฆวา พระเถระ ที่บันลือสีหนาทในวันที่ตนบรรลุพระอรหัต บอกในทามกลางภิกษุ- สงฆวา ผูใดมีความสงสัยในมรรคหรือผล ผูนั้นจงถามเรา ดังนี้ ในที่ตอพระพักตรพระพุทธเจา ก็ทูลถึงการบรรลุพระอรหัตของตน
พระสุตตันตปฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 325
พระสาวกเหลาอื่นก็นิ่ง โดยความที่ตนชอบบันลือสีหนาทนั่นเอง แมจะทํามหาชนใหเกิดความเลื่อมใสเหาะไปรับบาตรไมแกนจันทน ภิกษุเหลานั้นกระทําคุณทั้ง ๓ เหลานี้เปนอันเดียวกัน กราบทูล แกพระศาสดาแลว ก็ธรรมดาวา พระพุทธเจาทั้งหลาย ยอมทรง ติเตียนผูที่ควรติเตียน ยอมทรงสรรเสริญ ผูที่ควรสรรเสริญ ใน ฐานะนี้ พระศาสดาทรงถือวา ความเปนยอดของพระเถระที่สมควร สรรเสริญนั้นแหละ แลวสรรเสริญพระเถระวา กอนภิกษุทั้งหลาย เพราะอินทรีย ๓ นั่นแล เธอเจริญแลว ทําใหมากแลว ภารทวาชภิกษุไดพยากรณพระอรหัตแลวา ชาติสิ้นแลว พรหมจรรยเราอยู จบแลว กิจที่ควรทํา เราทําเสร็จแลว ไมมีกิจอื่นเพื่อความเปน อยางนี้ อินทรีย๓ เปนไฉน คือ สตินทรีย สมาธินทรีย ปญญินทรีย ดูกอนภิกษุทั้งหลาย เพราะอินทรีย๓ เหลานี้แล เธอเจริญแลว กระทําใหมากแลว ภารทวาชภิกษุ พยากรณแลวซึ่งพระอรหัตตผล ยอมรูชัดวา ชาติสิ้นแลว พรหมจรรยเราอยูจบแลว กิจที่ควรทํา ทําเสร็จแลว ไมมีกิจอื่นเพื่อความเปนอยางนี้ ดังนี้ จึงทรงสถาปนา ไวในตําแหนงเปนยอดของเหลาภิกษุบันลือสีหนาทแล
จบ อรรถกถาสูตรที่ ๘
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น