จิตปรมัตถ์ แผ่นที่ ๒ ตอนที่ ๐๘๕
นาทีที่ ๕ .๓๒ โดย ... .ท่าน อ. สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ปฏิสนธิ เกิดขึ้นขณะเดียวแล้วก็ดับ สั้นที่สุด เล็กน้อยที่สุด แล้วต่อจากนั้นภวังคจิตก็เกิดดับสืบต่อ จนกว่าวิถีจิตจะเกิดเป็นวิถีจิตแรกทางมโนทวารโดยอารมณ์กระทบใจ ทำให้ภวังคจลนะไหวตามอารมณ์ที่กระทบนั้นแล้วดับ แล้วภวังคุปัจเฉทะก็เกิด แล้วก็ดับ
ต่อจากนั้น มโนทวาราวัชชนจิตก็เกิด มโนทวาราวัชชนจิตเกิดขึ้นแล้วดับไป สำหรับชวนวิถีจิตซึ่งเกิดต่อจากมโทวาราวัชชนะ ชวนะแรกของทุกภพทุกชาติเป็น ... ... ... ... ...
"โลภมูลจิต" โลภมูลจิตซึ่งทุกคนมีทุกวันเป็นประจำทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ไม่สูญหายเลย เก็บสะสมเป็นปกตูปนิสสยปัจจัย ทำให้ชวนะวิถีแรกซึ่งเกิดต่อจากมโนทวาราวัชชนจิตเป็น "โลภมูลจิต"
พอรู้สึกตัว เพียงรู้สึกตัว ทางใจก็เป็นความยินพอใจแล้วในภพชาติที่เกิด น่ากลัวไหม? ไม่รู้ตัวเลยยังเป็นโลภะ (ได้) เพียงรู้สึกตัวนิดเดียวหลังจากปฏิสนธิจิตดับไป ภวังคจิตดับไป แล้วเริ่มรู้สึกตัวทางใจ ยังไม่เห็น ยังไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น โลภะชวนะวิถีก็เกิดดับสืบต่อ ๗ ขณะ ฟังแล้วกลัวใช่ไหม?
แต่อย่าลืม นี่เป็นเพียงขณะที่สั้นที่สุดคือ ๗ ขณะเท่านั้น หลังจากนั้นแล้วจะมีโลภะชวนะเกิดอีกมากเท่าไร มีใครรู้บ้าง? ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ จนกว่าจะตาย ถ้าเทียบแล้ว โลภะชวนะวิถี ๗ ขณะ หลังจากมโทวาราวัชชนจิตดับไป หลังจากที่ปฏิสนธิจิตดับและเป็นภวังคจิตแล้ว น้อยมาก (เมื่อเทียบ) กับชีวิตประจำวันซึ่งเริ่มเจริญเติบโตขึ้น ยังไม่มีอะไรเลย ตาก็ยังไม่มี หูก็ยังไม่มี ถ้าเกิดในครรภ์
แต่เมื่อ "ตา" มีแล้ว ลองคิดดู โลภะเท่าไร ตั้งแต่เด็กก็มีความยินดีพอใจแบบเด็ก แล้วก็วิจิตรขึ้นตามวันเวลา จนกว่าจะถึงเวลาที่จากโลกนี้ไป ความวิจิตรของโลภะทางตามากเท่าไร? และไม่ใช่แต่เฉพาะทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ เพราะฉะนั้น ... .น่ากลัวไหม?
ชวนะวิถีที่เป็นโลภมูลจิต ๗ ขณะแรกยังไม่น่ากลัวเท่ากับเมื่อเจริญเติบโตขึ้น แล้วก็มีโลภะที่วิจิตรต่างๆ เพิ่มขึ้นมากมาย ประดิษฐ์ขึ้นมาต่างๆ เรื่อยๆ โลภะที่มีอยู่แล้ว ยังไม่พอ ไม่ว่าจะเป็นทางตาหรือทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ที่มีอยู่แล้วพอไหม? (ยัง) ประดิษฐ์ใหม่อีก เพิ่มอีกเรื่อยๆ เพราะฉะนั้น ก็จะเห็นพระมหากรุณาคุณของพระผู้มีพระภาคซึ่งถ้าไม่ทรงแสดงพระธรรมโดยละเอียดจะไม่มีใครรู้จักตัวเองตามความเป็นจริง ถ้าท่านผู้ฟังรู้จักตัวเองว่าไม่ดี ถูกหรือผิด? โดยมากไม่ชอบเลยถ้าจะมีใครบอกว่าท่านไม่ดีใช่ไหม? แต่ตามความเป็นจริงถ้าพระธรรมไม่ทรงแสดงไว้ (โดยพระพุทธองค์)
โดยละเอียดจะมีใครรู้ตัวบ้างว่า ไม่ดีเลย ไม่ดีอย่างมากมายทีเดียว คนอื่นที่กล่าวว่าท่านไม่ดี ยังไม่ได้รู้ความจริงแท้ของใจของท่าน ซึ่งไม่ดีมากยิ่งกว่าที่คนอื่นเห็น หรือ ที่คนอื่นรู้ คนอื่นอาจจะเห็นเพียงบางครั้ง บางโอกาส บางเหตุการณ์ แต่ว่าใจของท่าน ท่านสามารถที่จะรู้ได้จริงๆ ว่าสะสมความไม่ดีไว้มากกว่าที่คนอื่นจะเห็น
และผู้ใดที่ยอมรับความจริง ที่รู้ว่าตนเองไม่ดี ผู้นั้นก็เริ่มที่จะอบรมเจริญกุศลที่จะขัดเกลาอกุศลทั้งหลายให้เบาบาง แต่ถ้าตราบใดถ้ายังคิดว่าดีแล้ว อกุศลก็จะเพิ่มมากขึ้น เพราะเหตุว่าไม่คิดที่จะละอกุศล เพราะเข้าใจว่า ... ... ..ดีแล้ว
พอได้ฟังพระธรรมซึ่งท่านอาจารย์ได้กรุณากล่าวสอนไว้แล้ว ผมก็รู้ได้ถึงความเมตตาที่ลึกซึ้งมากของท่านอาจารย์ เป็นน้ำเสียงที่หาฟังได้ยากยิ่ง ทั้งแง่คิดและเนื้อหาก็ช่างกินใจเหลือเกิน
ขอกราบอนุโมทนาในกุศลเมตตาจริงๆ ครับ
เวลาที่เราทำอกุศลกรรมครั้งหนึ่ง จะมีชวนะเกิด ๗ ขณะ ชวนะที่น่ากลัวที่สุด คือ
ชวนะดวงที่ ๒ - ๖ ให้ผลนับชาติไม่ถ้วน ถึงแม้ว่าจะเป็นพระอรหันต์ก็ยังได้รับอกุศลวิบาก จนกว่าจะปรินิพพานค่ะ
ขออนุโมทนา
เพราะฉะนั้น เมื่อทราบแล้วว่าอกุศลมากมายขนาดไหน จึงต้องอบรมเจริญปัญญาเท่านั้น จึงจะละอกุศลได้ โดย ฟังพระธรรมให้เข้าใจจริงๆ บ่อยๆ เนืองๆ จนเป็นปกตูปนิสสยปัจจัย เพราะการอบรมเจริญปัญญา เป็นจิรกาลภาวนาจริงๆ
รู้โดยขั้นคิดนึก หรือตรึก ต่างกับสติปัฏฐาน
ยินดีในกุศลจิตค่ะ