[เล่มที่ 34] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 57
ปฐมปัณณาสก์
รถการวรรคที่ ๒
๙. ปฐมปาปณิกสูตร
องค์คุณของพ่อค้ากับของภิกษุ
อรรถกถา ปฐมปาปณิกสูตร 58
พ่อค้าผู้ไม่ตั้งใจทําการงาน 58
ภิกษุไม่ตั้งใจฝึกสมาธิ 59
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 34]
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 57
๙. ปฐมปาปณิกสูตร
องค์คุณของพ่อค้ากับของภิกษุ
[๔๕๘] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พ่อค้าผู้ประกอบด้วยองค์ ๓ ย่อมเป็นผู้อภัพ เพื่อจะได้โภคทรัพย์ที่ยังไม่ได้ก็ดี เพื่อจะทำโภคทรัพย์ที่ได้แล้วให้ทวีขึ้นก็ดี องค์ ๓ คืออะไร คือ พ่อค้าไม่ตั้งการงานอย่างดีในตอนเช้า ไม่ตั้งการงานอย่างดีในตอนกลางวัน ไม่ตั้งการงานอย่างดีในตอนเย็น พ่อค้าผู้ประกอบด้วยองค์ ๓ นี้แล ภิกษุทั้งหลาย ย่อมเป็นผู้อภัพ เพื่อจะได้โภคทรัพย์ที่ยังไม่ได้ก็ดี เพื่อจะทำโภคทรัพย์ที่ได้แล้วให้ทวีขึ้นก็ดี
ฉันเดียวกันนั่นแล ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๓ ย่อมเป็นผู้อภัพ เพื่อจะบรรลุกุศลธรรมที่ยังไม่บรรลุก็ดี เพื่อทำกุศลธรรมที่บรรลุแล้วให้เจริญขึ้นก็ดี ธรรม ๓ คืออะไร คือ ภิกษุไม่ตั้งสมาธินิมิตอย่างดีในตอนเช้า ไม่ตั้งสมาธินิมิตอย่างดีในตอนกลางวัน ไม่ตั้งสมาธินิมิตอย่างดีในตอนเย็น ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๓ นี้แล ย่อมเป็นผู้อภัพ เพื่อจะบรรลุกุศลธรรมที่ยังไม่บรรลุก็ดี เพื่อทำกุศลธรรมที่บรรลุแล้วให้เจริญขึ้นก็ดี
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พ่อค้าผู้ประกอบด้วยองค์ ๓ ย่อมเป็นผู้อาจเพื่อจะได้โภคทรัพย์ที่ยังไม่ได้ก็ดี เพื่อทำโภคทรัพย์ที่ได้แล้วให้ทวีขึ้นก็ดี องค์ ๓ คืออะไร คือ พ่อค้าตั้งการงานอย่างดีในตอนเช้า ตั้งการงานอย่างดีในตอนกลางวัน ตั้งการงานอย่างดีในตอนเย็น พ่อค้าผู้ประกอบด้วยองค์ ๓ นี้แล ย่อมเป็นผู้อาจเพื่อจะได้บริโภคทรัพย์ที่ยังไม่ได้ก็ดี เพื่อทำโภคทรัพย์ที่ได้แล้วให้ทวีขึ้นก็ดี
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 58
ฉันเดียวกันนั่นแล ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๓ ย่อมเป็นผู้อาจเพื่อบรรลุกุศลธรรมที่ยังไม่บรรลุก็ดี เพื่อทำกุศลธรรมที่บรรลุแล้วให้เจริญก็ดี ธรรม ๓ คืออะไร คือ ภิกษุตั้งสมาธินิมิตอย่างดีในตอนเช้า ตั้งสมาธินิมิตอย่างดีในตอนกลางวัน ตั้งสมาธินิมิตอย่างดีในตอนเย็น ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๓ นี้แล ย่อมเป็นผู้อาจเพื่อบรรลุกุศลธรรมที่ยังไม่บรรลุก็ดี เพื่อทำกุศลธรรมที่ได้บรรลุแล้วให้เจริญขึ้นก็ดี.
จบปฐมปาปณิกสูตรที่ ๙
อรรถกถาปฐมปาปณิกสูตร
พึงทราบวินิจฉัยในปฐมปาปณิกสูตรที่ ๙ ดังต่อไปนี้ :-
พ่อค้าผู้ไม่ตั้งใจทำการงาน
บทว่า ปาปณิโก แปลว่า พ่อค้าในตลาด เจ้าของร้าน. คำว่า ปาปณิโก นั่น เป็นชื่อของพ่อค้าผู้เปิดร้านขายของ. บทว่า อภพฺโพ แปลว่า เป็นบุคคลไม่เหมาะสม.
บทว่า น สกฺกจฺจํ กมฺมนฺตํ อธิฏฺาติ ความว่า การงานที่ตั้งใจ ทำอย่างใดจึงจะนับว่ามั่นคง งานที่ตั้งใจไว้ย่อมสำเร็จสมความตั้งใจด้วยประการใด เขาไม่ตั้งใจทำให้สำเร็จด้วยตนเองอย่างนั้น. ในบทว่า น สกฺกจฺจํ กมฺมนฺตํ อธิฏฺาติ นั้น พึงทราบอธิบายดังต่อไปนี้
เวลาเช้ามืด พ่อค้าลุกขึ้นตามประทีป แต่ไม่นั่งจัดสินค้า ชื่อว่าไม่ตั้งใจทำงานโดยเคารพ ในเวลาเช้า. ด้วยว่า พ่อค้าผู้นี้จะไม่ได้เป็นเจ้าของ พลาดโอกาสสิ่งของที่ควรจะได้ ที่มีโอกาสทั้ง ๓ เป็นปัจจัย คือ สิ่งของที่
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 59
พวกโจรลักในตอนกลางคืน รีบมาตลาดด้วยคิดว่า เราจักปล่อยของนี้ให้พ้นมือของเรา แล้วขายให้โดยราคาย่อมเยา ๑ ของที่คนจำนวนมากผู้เป็นคู่แข่งแย่งซื้อ แย่งขาย เวลากลางคืนอยู่ในเมือง เช้ามืดไปตลาดซื้อเอา ๑ หรือของที่ผู้คนประสงค์จะไปยังชนบท จะรีบไปตลาดแต่เช้าแล้วซื้อเอา ๑ ในเวลาที่คนอื่นพักรับประทานอาหารกัน เขาก็กลับมารับประทานอาหารบ้าง คือ เก็บสินค้าแต่เช้าตรู่ แล้วกลับไปบ้าน รับประทานอาหารแล้วนอนหลับ ตอนเย็นจึงกลับมายังร้านตลาดอีกครั้งหนึ่ง อย่างนี้ ชื่อว่าไม่ตั้งใจทำการงานโดยเคารพในเวลาเที่ยงวัน.
ด้วยพ่อค้านั้น จะไม่ได้เป็นเจ้าของ หมดโอกาส สิ่งของที่ควรจะได้ อันมีโอกาสทั้งสองเป็นปัจจัย คือ สิ่งที่พวกโจรมาปล่อยไม่ทันในตอนเช้าตรู่ แต่เวลากลางวัน ขณะที่คนอื่นๆ ยังไม่สัญจรไปมา พวกโจรก็จะไปยังร้านตลาด แล้วขายให้ด้วยราคาถูก ๑ สิ่งใดที่พวกอิสรชนผู้มีบุญใช้คนไปให้นำมาในเวลารับประทานอาหาร ด้วยสั่งว่า ควรจะได้สิ่งนี้ๆ มาจากร้านตลาด ๑.
ส่วนเวลาเย็น จนกระทั่งถึงเวลาที่เขาตีบอกยาม เขาก็ไม่ตามประทีป แล้วนั่งภายในร้านตลาด อย่างนี้ ชื่อว่าไม่ตั้งใจทำงานโดยเคารพในเวลาเย็น.
ด้วยว่าพ่อค้านั้น จะไม่ได้เป็นเจ้าของ สิ่งของที่ควรได้ ที่มีโอกาสนั้นเป็นปัจจัย คือ สิ่งของที่พวกโจรมาปล่อยไม่ทัน ทั้งเวลาเช้าและเวลากลางวัน แต่กลับไปยังร้านตลาดในตอนเย็น แล้วขายให้ด้วยราคาถูก.
ภิกษุไม่ตั้งใจฝึกสมาธิ
บทว่า น สกฺกจฺจํ สมาธินิมิตฺตํ อธิฏฺาติ ความว่า ภิกษุไม่เข้าสมาธิโดยกิริยาที่เคารพ.
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้า 60
ก็ในบทว่า น สกฺกจฺจํ สมาธินิมิตฺตํ นี้ พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้
ภิกษุทำวัตรที่ลานเจดีย์และลานโพธิ์แล้ว เข้าไปสู่เสนาสนะ แต่ว่าไม่ยอมนั่งเข้าสมาบัติ จนถึงเวลาภิกษาจาร ชื่อว่าไม่ตั้งใจกำหนดนิมิตโดยเคารพ. ส่วนเวลาภายหลังฉันภัตตาหาร เธอกลับจากบิณฑบาตแล้วเข้าไปยังที่พักกลางคืนและที่พักกลางวัน แต่ว่าไม่นั่งเข้าสมาบัติจนถึงเวลาเย็น ชื่อว่าไม่ตั้งใจกำหนดสมาธินิมิตโดยเคารพในเวลาเที่ยงวัน.
อนึ่ง เวลาเย็น เธอไหว้เจดีย์ ทำการบำรุงพระเถระ แล้วเข้าไปสู่เสนาสนะ แต่ว่าไม่ยอมนั่งเข้าสมาบัติตลอดปฐมยาม ชื่อว่าไม่ตั้งใจกำหนดสมาธินิมิตโดยเคารพในเวลาเย็น.
ส่วนความหมาย พึงทราบตามนัยตรงกันข้ามกับที่กล่าวแล้วในสุกปักษ์.
อนึ่ง ในบทนี้ ในที่ที่ท่านกล่าวไว้ว่า สมาปตฺตึ อปฺเปตฺวา เข้าสมาบัติ เมื่อไม่มีสมาบัติ แม้วิปัสสนาก็ควร และในบทว่า สมาธินิมิตฺตํ แม้อารมณ์ของสมาธิก็ควรเช่นกัน. สมจริงดังพระดำรัสที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดังนี้ว่า แม้สมาธิ ก็ชื่อว่าสมาธินิมิต แม้อารมณ์ของสมาธิ ก็ชื่อว่าสมาธินิมิต.
จบอรรถกถาปฐมปาปณิกสูตรที่ ๙