ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
วันนี้วันศุกร์ที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๒ มีกิจกรรม "ธรรมในสวน" สนทนาธรรมเรื่อง "ธัมมะ (ธรรม) กับชีวิต" ที่อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จ. เชียงใหม่ ซึ่งเป็นการจัดสนทนาธรรมเป็นครั้งแรก ณ สถานที่แห่งนี้ การเจริญกุศลครั้งนี้ ก็จะได้อุทิศถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ด้วย ซึ่งพระองค์ทรงเป็นผู้ที่มีคุณูปการแก่ปวงชนชาวไทย และ ที่มี อุทยานหลวงราชพฤกษ์ เกิดขึ้น ก็เพื่อเฉลิมฉลองพระเกียรติของพระองค์ เมื่อครั้งที่พระองค์ทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี (๙ มิถุนายน ๒๕๔๙) และ ทรงมีพระชนมายุครบ ๘๐ พรรษา (๕ ธันวาคม ๒๕๕๐)
การจัดกิจกรรม "ธรรมในสวน" ครั้งนี้ เกิดขึ้นโดยอุทยานหลวงราชพฤกษ์ ร่วมกับ มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา (มศพ.) ซึ่งก็เป็นโอกาสที่สำคัญที่จะได้สนทนาเพื่อความเข้าใจอย่างถูกต้องตรงตามความเป็นจริงตามพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง
การสนทนาธรรมเป็นมงคลประการหนึ่ง เป็นไปเพื่อความเข้าใจอย่างถูกต้องตรงตามความเป็นจริง เป็นไปเพื่อความเจริญแห่งปัญญาอย่างแท้จริง
การสนทนาธรรมในครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ร่วมๆ ๓๘๐ คน และการสนทนาก็มีหลากหลายสาระหลากหลายประเด็น คณะวิทยากรของมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา ก็ได้กล่าวเป็นเบื้องต้นเพื่อให้ได้เข้าใจถึงพระคุณอันประเสริฐยิ่งของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่พระองค์ทรงตรัสรู้และทรงแสดงพระธรรมเพื่ออนุเคราะห์เกื้อกูลแก่สัตว์โลกซึ่งมากไปด้วยความไม่รู้ เพราะฉะนั้น พระธรรมแต่ละคำที่ได้ยินได้ฟังนั้นมาจากพระปัญญาตรัสรู้ของพระองค์ คำแต่ละคำที่พระองค์ทรงแสดงนั้นเป็นพระธรรม เป็นคำสอนของบุคคลผู้เลิศผู้ประเสริฐที่สุดในโลก เป็นไปเพื่อความเข้าใจธรรมคือสิ่งที่มีจริงตรงตามความเป็นจริง
ประการที่สำคัญของความเป็นชาวพุทธนั้น จะต้องเป็นผู้ที่ได้ฟังได้ศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นชาวพุทธสมกับชื่อ เพราะว่า เป็นผู้ที่นับถือในคำสอนที่ตนเองได้ศึกษาและมีความเข้าใจอย่างถูกต้องตรงตามความเป็นจริง และเมื่อมีความเข้าใจอย่างถูกต้องตรงตามความเป็นจริง ชีวิตก็จะเป็นชีวิตที่มีปัญญาเกื้อกูลให้กระทำในสิ่งที่ถูกที่ควร เป็นประโยชน์ทั้งแก่ตนเองและผู้อื่นต่อไป
ในช่วงหนึ่งของการสนทนา อาจารย์อรรณพ หอมจันทร์ ได้กล่าวถึงว่า คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น เป็นคำสอนที่ดี เป็นพระธรรม คือ คำสอนที่ประเสริฐ เพราะเป็นคำสอนที่เป็นไปเพื่อความเข้าใจอย่างถูกต้อง สิ่งใดที่เป็นอกุศล พระธรรมก็แสดงให้รู้ว่าเป็นอกุศล คำสอนดังกล่าวย่อมเป็นคำสอนที่ดี ประเสริฐ เพราะทำให้เข้าใจอย่างถูกต้องตรงตามความเป็นจริง และธรรมใดที่เป็นกุศล เป็นความดี พระธรรมก็แสดงให้เข้าใจอย่างถูกต้องตรงตามความเป็นจริง รวมไปถึงสภาพธรรมที่ไม่ใช่ทั้งกุศลและไม่ใช้ทั้งอกุศล ก็มีจริง พระธรรมก็แสดงเปิดเผยให้ได้เข้าใจอย่างถูกต้องตรงตามความเป็นจริงเช่นเดียวกัน
อีกประเด็นหนึ่งที่น่าพิจารณา คือ ประเด็นเรื่องสวดมนต์ ทำให้ได้คิดพิจารณาว่า จะพูดคำที่ไม่รู้จักหรือจะฟังพระธรรมให้เข้าใจ? เมื่อไม่รู้ ไม่เข้าใจ จะเป็นบุญได้ไหม? เพราะฉะนั้น การกระทำอะไรตามๆ กันไป ด้วยความไม่รู้ ด้วยความหวัง ด้วยความต้องการ จะเป็นบุญ จะเป็นสิ่งที่ถูกต้องไม่ได้ และ ที่สำคัญพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรม เพื่อให้เกิดปัญญา คือ ความเข้าใจถูกเห็นถูกตรงตามความเป็นจริง เป็นปัญญาของผู้ฟังเอง ไม่ใช่เพื่อให้นำคำที่ไม่รู้จักมาสวด
และมีอีก ๑ คำถาม จากเยาวชนหญิง ซึ่งเป็นประเด็นสนทนาที่น่าสนใจและเป็นคำถามที่คิดว่าน่าจะอยู่ในใจของหลายๆ คนเลยทีเดียว นั่นก็คือ เพราะเหตุใดผู้ที่ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมแล้วยังโกรธอยู่ คณะวิทยากรก็ได้ร่วมกันสนทนาถึงความเป็นจริงของธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย ความโกรธที่ยังไม่ถูกดับ เมื่อมีเหตุมีปัจจัยก็เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ เป็นธรรมที่ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น เพราะผู้ที่จะไม่มีความโกรธเลย ต้องเป็นผู้ที่รู้แจ้งอริยสัจจธรรมถึงความเป็นพระอนาคามีบุคคล พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงทรง แสดงให้เข้าใจถูกตรงตามความเป็นจริงว่าความโกรธเป็นธรรม เป็นสิ่งที่มีจริงๆ เป็นอกุศล เป็นสภาพธรรมที่ไม่ดี เมื่อเกิดขึ้นก็ทำให้ผู้นั้นเดือดร้อนและถ้ามีกำลังมากยิ่งขึ้นก็สามารถประทุษร้ายเบียดเบียนผู้อื่นได้ ซึ่งไม่เป็นประโยชน์แก่ใครๆ เลย และที่สำคัญในประเด็นนี้ อาจารย์อรรณพฯ ก็ได้นำวีดีทัศน์ที่ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ได้เคยสนทนาไว้ มาเปิดให้ทุกท่านได้พิจารณา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จุดเริ่มต้นของการละความโกรธคืออะไร? คือ การเห็นโทษของความโกรธ เพราะถ้าไม่เห็นโทษของความโกรธเลย ก็จะเป็นผู้ที่โกรธต่อไป สะสมสิ่งเป็นโทษยิ่งขึ้น แล้วจะเห็นโทษของความโกรธได้อย่างไร ถ้าไม่เริ่มฟังเริ่มศึกษาพระธรรม ค่อยๆ สะสมเข้าใจความจริงไปทีละเล็กทีละน้อย
จึงขอโอกาสถอดคำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในช่วงดังกล่าวนี้ มาให้ทุกท่านได้พิจารณาร่วมกัน ดังนี้
"โกรธ ดีไหม? โกรธ ไม่ดีแน่นอน แล้วก็ยังโกรธ มีหนทางที่จะไม่โกรธ แต่หนทางนี้ ต้องอาศัยบารมีความอดทนที่รู้ว่า จะไม่โกรธได้อย่างไรในเมื่อสะสมความโกรธมานานแล้ว แล้วก็เป็นคนที่โกรธง่ายด้วย ก็รู้ตัวเอง เพราะฉะนั้น การเข้าใจถูกตามความเป็นจริง ก็จะค่อยๆ เห็นโทษของอกุศล
บอกใครก็บอกไป โลภะ เป็นโทษ ไม่ดี โดยประการทั้งปวง โทสะเป็นโทษ ไม่ดี โดยประการทั้งปวง โมหะ เป็นโทษ ไม่ดีโดยประการทั้งปวง ผลคืออะไร? ถ้าไม่ใช่ความเข้าใจของเขาเองซึ่งเป็นสิ่งที่ประเสริฐสุดในแต่ละชาติ คือ ขณะที่เข้าใจพระธรรม พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้นที่สามารถจะทรงแสดงธรรมตามที่ได้ทรงตรัสรู้หนทางที่จะทำให้พ้นจากโกรธและก็พ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้ เพราะฉะนั้น ถ้าไม่มีความเข้าใจ ไม่มีความรู้ ทำอย่างไรก็บอกไป ก็ไม่มีใครสามารถที่จะละความโกรธได้ จนกว่าปัญญาของคนนั้น เกิดทีละเล็กละน้อย เริ่มตั้งแต่เห็นโทษของความโกรธ
ความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้ถึงขั้นโลกุตตรธรรมที่สามารถดับกิเลสได้และยังถึงความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งทรงแสดงหนทางให้คนอื่นได้เข้าใจถูกต้องด้วย "
ข้อความที่ควรเก็บไว้ในหทัย เตือนใจโดยตลอดที่เกี่ยวกับความโกรธ ที่ปรากฏในหนังสือ " เก็บไว้ในหทัย " ก็มีอยู่หลายตอนด้วยกัน ซึ่งท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ กล่าวไว้ ดังนี้
~ ถึงแม้ว่าคนอื่นจะโกรธ ก็ไม่ควรที่จะเอาชนะความโกรธของคนอื่นด้วยการโกรธตอบ แต่ว่า เมื่อคนอื่นโกรธ เราชนะกิเลสของตนเอง
โดยไม่โกรธตอบผู้ที่โกรธ นั่น เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง
~ ไม่ควรที่จะมีความคิดไม่ดีกับใครๆ เลย เพราะเหตุว่า เป็นโทษสำหรับตนเอง และโทษนี้ ถ้าเป็นอกุศลกรรม ก็จะทำให้เกิดในอบายภูมิได้
~ ขณะไม่โกรธ จะมีความโกรธเกิดร่วมด้วยไม่ได้ โกรธ ดีไหม? ไม่ดี เพราะสภาพโกรธ เกิดเมื่อไหร่ ทำร้ายจิตเมื่อนั้น เป็นศัตรูภายใน ศัตรูภายในเกิดเมื่อไหร่ ทำร้ายจิตทันที พอจิตไม่ดีแล้ว กายก็ไม่ดี วาจาก็ไม่ดี
ทุกครั้งที่มีโอกาสได้ฟังคำจริง ซึ่งเป็นคำที่เกื้อกูลให้มีความเข้าใจถูกเห็นถูก นั้น ไม่ว่าจะน้อยหรือจะมาก ก็เป็นประโยชน์ทั้งนั้น
เนื้อหาทั้งหมดของการสนทนาในครั้งนี้ โปรดติดตามรับชมได้ทางช่องทางการเผยแพร่ของมูลนิธิศึกษาเผยแพร่พระพุทธศาสนาในโอกาสอันใกล้นี้ครับ
... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ ...
ฟังไว้ สะสมไว้ พิจรณาไป จนกว่าสังขารขันธิ์จะปรุงแต่ง ทำกิจ เป็นหนทางอันยาวนาน กราบในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
นับว่าการสนทนาครั้งนี้ มีประโยชน์มากมายแก่ทั้งผู้ฟังที่มาใหม่ และผู้ฟังเก่า วิทยากรทั้ง 4 ท่านทำหน้าที่ได้ดีที่สุด และจัดได้ว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง และชื่นใจที่ได้เห็นว่ามีคนสนใจและมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นถึง 380 คน แต่หลังจากนั้น เค้าจะติดตามฟังต่อไปหรือไม่ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็แล้วแต่บุญเก่าของพวกเขา กราบอนุโมทนาสาธุท่านวิทยากรทั้ง 4 ท่าน และอนุโมทนาทุกๆ ท่านที่ได้ไปร่วมการสนทนาในครั้งนี้ค่ะ
เสียดายที่ไปถึงสถานที่แต่เช้า แต่ไม่ได้เข้าไปแต่เห็นคนมาร่วมงานเยอะมากก็ขออนุโมทนาคับ