เรียน อาจารย์ทั้งสองท่าน
"อุปธิ" หมายความว่าอย่างไรครับ ขอความอนุเคราะห์ด้วยครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
อุปธิ แปลว่า สภาพซึ่งทรงไว้ซึ่งทุกข์ คือ ทุกอย่างที่เกิดแล้วดับ เป็นสภาพทรงไว้ซึ่งทุกข์ เป็นอุปธิได้แก่
-กามูปธิ กามเป็นอุปธิ เพราะเมื่อพอใจในกาม จึงแสวงหา ก็นำมาซึ่งทุกข์
-ขันธูปธิ ขันธ์เป็นอุปธิ เพราะจิต เจตสิก รูป เป็นที่ตั้งแห่งทุกข์ เช่น เจ็บ ป่วยแก่ ตาย เป็นต้น
-กิเลสูปธิ กิเลสเป็นอุปธิ เพราะมีกิเลส จึงทำอกุศลกรรมได้ เมื่อผลเกิดก็นำมาซึ่งทุกข์ คือ ภพภูมิไม่ดี และ ความเดือดร้อน
-อภิสังขารูปธิ อภิสังขารเป็นอุปธิ หมายถึง เจตนาที่เกิดร่วมกับกุศล และ อกุศลจิตทั้งหลายที่นำไปสู่ทุกข์ คือ วัฏฏทุกข์
สำหรับอุปธิ จะกินความกว้างขวาง ไม่ได้หมายเฉพาะ กิเลส สภาพธรรมที่ไม่ดีเท่านั้นที่เป็นอุปธิ แม้แต่ สภาพธรรมที่เกิดขึ้นและดับไปทั้งหมด ทั้งรูป ทั้งกุศลจิต ทั้งเจตสิกที่ดี ที่เกิดขึ้นและดับไป เป็นทุกข์ทั้งหมด เป็นอุปธิ และ อุปธิ ยังมีความหมายคือ รูปร่างหน้าตา ด้วย ครับ
ขออนุโมทนา
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ข้อความบางตอนจากคำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ มีดังนี้
"อุปธิ คือ สภาพซึ่งทรงไว้ซึ่งทุกข์ สามารถจะจำแนกออกได้หลายนัย เช่น โดยนัย ๔ สภาพธรรมใดๆ ก็ตามที่เป็นทุกข์ ทรงไว้ซึ่งสภาพแห่งทุกข์ ย่อมนำมาซึ่งทุกข์ สภาพนั้นเป็นอุปธิ เช่น กาม เป็นกามูปธิ
สำหรับขันธ์ก็เช่นเดียวกัน ขันธ์ก็เป็นที่อาศัยแห่งทุกข์ เป็นสภาพที่ทรงไว้ซึ่งทุกข์ เป็นสภาพซึ่งนำมาซึ่งทุกข์ เป็น ขันธูปธิ ซึ่งทุกท่านก็อาจจะยังคงต้องการขันธ์อีก คือต้องการที่จะเห็น ต้องการที่จะได้ยิน ต้องการรูป ต้องการเวทนา ต้องการสัญญา ต้องการสังขาร ต้องการวิญญาณ เพราะเหตุว่ายังไม่ประจักษ์ลักษณะที่เป็นทุกข์ของขันธ์ เพราะเหตุว่าขันธ์ทั้งหมดเป็นที่อาศัยแห่งทุกข์
นอกจากนั้นแล้ว กิเลสก็เป็นอุปธิ คือ เป็นกิเลสูปธิ เพราะเหตุว่ากิเลสเป็นที่อาศัยแห่งทุกข์ในอบาย ถ้าใครยังมีโลภะ ยังมีโทสะ ยังมีโมหะ อันเป็นเหตุให้กระทำอกุศลกรรม ย่อมไม่พ้นจากอบาย เพราะเหตุว่าไม่มีใครสามารถที่จะนำไปสู่อบาย นอกจากกิเลส ทุกคนมีโลภะ มีโทสะ มีโมหะ เพราะฉะนั้น ทุกคนก็ยังมีกิเลสซึ่งเป็นที่อาศัยแห่งทุกข์ในอบาย ถ้าได้กระทำอกุศลกรรมเพราะโลภะ หรือเพราะโทสะ หรือเพราะโมหะก็ตาม เมื่อเป็นกรรมย่อมสามารถที่จะทำให้ปฏิสนธิในอบายภูมิได้ เพราะฉะนั้น กิเลสก็เป็นกิเลสูปธิ
นอกจากนั้นแล้วก็ยังมี อภิสังขารูปธิ อุปธิ คือ อภิสังขาร ได้แก่ เจตนาซึ่งเป็นกรรม เป็นที่อาศัยของทุกข์ในภพ เพราะเหตุว่าเจตนาซึ่งเป็นกุศลกรรมก็มี เจตนาซึ่งเป็นอกุศลกรรมก็มี เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นเจตนาซึ่งเป็นกุศลหรืออกุศลก็เป็นอภิสังขาร คือ เป็นอุปธิที่เป็นที่อาศัยแห่งทุกข์ในภพ ตราบใดที่ยังมีกุศลย่อมให้ผลเป็นกุศลวิบาก ทำให้เกิดในสุคติ ก็ยังไม่พ้นไปจากสังสารวัฏฏ์ ยังไม่พ้นไปจากทุกข์ได้ การเกิดเป็นมนุษย์ เป็นสุคติภูมิ มีความสุขมากไหมคะ เกิดเป็นมนุษย์ หรือว่าบางท่านจะพอเห็นทุกข์บ้างแล้ว ของการเกิดเป็นมนุษย์ แต่ถึงแม้ว่าจะเห็นทุกข์บ้าง ก็ยังไม่ใช่ทุกข์แท้จริง เพราะฉะนั้น ถึงแม้ว่าจะเกิดเป็นมนุษย์ซึ่งเป็นสุคติภูมิ ก็ยังไม่พ้นจากทุกข์ในภพยังจะต้องมีการเกิดอีก ยังจะต้องมีการตายอีก อยู่เรื่อยๆ แม้ในสุคติภูมิก็ตาม หรือถึงแม้ว่าจะเกิดในสวรรค์ ก็จะต้องถึงกาลที่สิ้นสุดของการเป็นเทพในสวรรค์ เพราะเหตุว่ายังไม่พ้นจากอภิสังขารูปธิ เจตนานั้นก็ยังเป็นกุศลบ้าง เป็นอกุศลบ้าง ตราบใดที่ยังมีกิเลสอยู่ นี่คืออุปธิ ๔"
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
กราบเท้าบูชาพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพอย่างสูงยิ่ง
กราบขอบพระคุณและอนุโมทนาอาจารย์ทั้งสองท่าน ครับ.
ก็ต้องอบรมปัญญาจนกว่าจะพ้นจากอุปธิทั้งหลาย คือ พระนิพพาน ค่ะ
สาธุ อนุโมทนา และขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ