ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๓๗
~ ประโยชน์ของการฟังธรรมมีมากทีเดียว ในพระไตรปิฏกทั้ง ๓ ปิฏกนั้น ก็ควรค่าแก่การฟัง ควรค่าแก่การศึกษา ควรค่าแก่การอ่าน การค้นคว้า เพื่อให้ได้รับประโยชน์ให้เต็มที่ เพราะเหตุว่าที่พระผู้มีพระภาคทรงพระมหากรุณาแสดงธรรมถึง ๔๕ พรรษา ก็เพื่ออนุเคราะห์ให้ผู้ฟังได้เข้าใจสภาพธรรมชัดเจนถูกต้องตามความเป็นจริง เพราะเหตุว่าถ้าพระองค์ไม่ทรงแสดงไว้โดยละเอียดแล้ว ก็อาจจะทำให้เข้าใจผิดพลาดคลาดเคลื่อนไปได้
~ ขณะที่กำลังหลับ ไม่เป็นโลภะ โทสะ โมหะ แต่จะไม่เป็นประโยชน์เท่ากับการตื่นขึ้น สติเกิดรู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมที่กำลังปรากฏ ดังนั้นก็ขอให้เทียบดูว่าถ้าหลับแล้วไม่เกิดอกุศล แต่ถ้ามีการตื่นขึ้นแล้วไม่เจริญสติก็พอกพูนโลภะ โทสะ โมหะ เพิ่มขึ้นมากขึ้น ประโยชน์ที่ได้จากการตื่น ก็คือ เป็นผู้ที่ระลึกรู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมที่กำลังปรากฏแต่ละทาง
~ น่ากลัวไหมนรก? ประมาทไม่ได้เลยจริงๆ เพราะว่าไม่รู้ภูมิต่อไป แต่ถ้าเป็นผู้ที่สะสมบุญอยู่สม่ำเสมอเรื่อยๆ ก็มีโอกาสที่จะทำให้สุคติ พอหวังได้ เป็นที่หวังได้ เหมือนกับการเกิดในชาตินี้ ในภูมิมนุษย์นี้ ต้องเป็นผลของกุศล เป็นผลของกุศลกรรมหนึ่ง ซึ่งก็ยากแสนยากที่จะทำให้เกิดในภูมิมนุษย์ แต่ทุกท่านก็ได้เกิดมาแล้วเป็นมนุษย์ด้วยผลของกุศลกรรมเพราะฉะนั้น ก็มีโอกาสสำหรับผู้ที่อบรมเจริญกุศลกรรม โดยเฉพาะในเรื่องของการอบรมเจริญปัญญาที่จะรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ย่อมเป็นปัจจัยที่จะทำให้สุคติเป็นที่หวังได้ แต่ไม่แน่ จนกว่าจะเป็นพระอริยบุคคล
~ เรื่องความโกรธ หรือความผูกโกรธ นี่ก็เป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งขณะที่เกิดขึ้น ผู้โกรธย่อมไม่รู้ตัวว่า เป็นจิตเศร้าหมองที่จะทำให้เกิดในอบายภูมิได้ ถ้าไม่ละเว้นความผูกโกรธ หรือว่ายังมีความคิดว่า คนนี้ได้ด่าเรา คนนี้ได้ฆ่าเรา คนนี้ได้ชนะเรา แม้แต่เพียงคนนี้ได้ชนะเรา เป็นชีวิตประจำวันจริงๆ เมื่อไรจะเห็นโทษจริงๆ ว่า ไม่ควรที่จะมีความคิดอย่างนี้แม้กับใครๆ เลย เพราะเหตุว่าเป็นโทษสำหรับตัวเอง และโทษนี้ถ้าเป็นอกุศลกรรม ก็จะทำให้เกิดในอบายภูมิได้ทีเดียว
~ พระผู้มีพระภาคจึงทรงชี้โทษของอวิชชา เพื่อจะให้ทุกท่านเห็นโทษของอวิชชา ความไม่รู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏจริงๆ แล้วชีวิตของท่านก็จะอบรมเจริญความรู้ เพื่อที่จะละอวิชชา แทนที่ไม่ต้องการจะรู้สิ่งที่กำลังปรากฏ แต่ว่าต้องการอย่างอื่น นี่ก็เป็นสิ่งที่จะเตือนผู้ที่ไม่รู้ เพื่อที่จะเห็นว่า กุศลใดๆ ไม่สามารถที่จะดับภพชาติได้ นอกจากการอบรมเจริญปัญญา
~ ถ้าเป็นเรื่องของปัญญาแล้ว ย่อมมีความดำริชอบ แม้แต่การคิดนึกก็เป็นไปในทางที่เป็นประโยชน์และก็เป็นการละคลายอกุศล ซึ่งในชีวิตประจำวันของแต่ละท่าน เมื่อท่านเป็นผู้ที่สังเกตกาย วาจา ใจของท่านเองในแต่ละวาระ แต่ละโอกาส ก็ย่อมจะรู้ได้ว่า ขณะใดเป็นไปด้วยอวิชชา และขณะใดเป็นไปด้วยวิชชา
~ ผู้ที่เลว คือ ผู้ที่มีอกุศลจิต แสดงให้เห็นว่าอกุศลจิตเกิดขึ้นขณะใด เป็นผู้เลวในขณะนั้น
~ ศึกษาพระธรรมเพื่ออะไร? เพื่อเข้าใจ เข้าใจอะไร? เพราะทุกคนศึกษาเพื่อเข้าใจทั้งนั้น แต่ว่าศึกษาเพื่อเข้าใจอะไร ต้องให้ตรงอีก คือ เข้าใจสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ไม่ใช่เข้าใจอย่างอื่น บางคนอาจจะคิดว่า เพื่อเข้าใจสิ่งที่มีในตำรา แต่นั่นไม่ใช่ความเข้าใจ นั่นเป็นเรื่อง แต่ว่าที่ศึกษาตำราเพื่อที่จะให้เข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏ เพราะฉะนั้น ก็ต้องเข้าใจจริงๆ ว่า ไม่ว่าจะศึกษาส่วนใดในพระไตรปิฎก ศึกษาน้อยหรือมากก็ตาม แต่ก็เพื่อที่จะเข้าใจสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ เช่น ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา (ไม่ใช่ตัวตน สัตว์ บุคคล)
~ ยากไหมที่จะอุปการะคนอื่น? ไม่มีเวลา หรือว่าไม่สามารถที่จะช่วยเหลือคนนั้นคนนี้ได้ แต่ว่าถ้าเป็นผู้ที่คิดถึงคนอื่น ใคร่ที่จะสงเคราะห์หรือว่าอุปการะ โดยที่ไม่หวังการตอบแทนใดๆ เลย ผู้นั้นเป็นผู้ที่ชื่อว่าหายาก แต่การที่บุคคลที่เป็นบุพพการี ชื่อว่าหาได้ยาก เพราะความที่สัตว์ทั้งหลายถูกตัณหาครอบงำไว้ ความยินดีพอใจในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในโผฏฐัพพะ ทำให้เป็นผู้ที่ไม่อุปการะบุคคลอื่น
~ ทุกคนย่อมกระทำสิ่งที่ไม่ควรและไม่เหมาะสมเพราะอวิชชาทั้งนั้น ถ้าเป็นวิชชาแล้วจะไม่ทำอย่างนั้นเลย แต่เมื่อเป็นอวิชชา ย่อมทำทุกอย่างที่ไม่ถูก เพราะฉะนั้น ทางแก้ คือ ควรที่จะให้ทุกคนเกิดวิชชา มีความเข้าใจถูก เพื่อที่ว่าจะได้มีกาย วาจาและใจที่ถูกต้อง
~ ยาไม่ได้รักษาโรคได้ทุกชนิด เพราะเหตุว่าบางชนิดก็ไม่ถูกกับโรค หรือว่าถ้าใช้ผิดก็เป็นโทษ เพราะฉะนั้น การกระทำใดๆ ซึ่งอาจจะคิดว่าถูกต้องในขณะนั้น แต่ถ้าพิจารณาให้ดีๆ แล้วคิดว่าไม่ถูกไม่ควร เพราะเหตุว่าเป็นการกระทำด้วยอกุศลก็ไม่ทำสิ่งนั้น แล้วทำสิ่งที่เป็นกุศล ย่อมดีกว่า
~ มากทีเดียวเมื่อคิดถึงหน้าที่การงานของโมหเจตสิก หรืออวิชชา (ความไม่รู้) ซึ่งเป็นสภาพธรรมที่ไม่รู้แจ้งในอริยสัจจธรรม เพราะเหตุว่าอกุศลใดๆ ก็ตามที่จะปราศจากอวิชชาหรือโมหเจตสิก ไม่มีเลย
~ กำลังของร่างกายที่มีนี้ก็ควรจะใช้ให้เป็นประโยชน์ด้วยในการดำเนินชีวิตไปวันหนึ่งๆ ให้เป็นประโยชน์ในทางธรรม ไม่ใช่เอาร่างกายที่แข็งแรงไปเบียดเบียนไปประทุษร้ายไปต่อสู้กัน
~ ทุกคนนี้จะไม่ทราบว่าจะตายที่ไหน ด้วยโรคภัยไข้เจ็บอะไร ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตาบังคับบัญชาไม่ได้
~ ถ้าไม่ทราบว่าสิ่งใดควรประพฤติ ก็ย่อมจะทำไม่ถูก
~ การกล่าวสอนการพร่ำสอนในเรื่องของเหตุในเรื่องของผลนั้น ย่อมทำให้เกิดปัญญาความเข้าใจที่ถูกต้อง ไม่ทำให้เกิดโทษหรือว่าไม่ทำให้เกิดความเสียหายเลย ถ้าพระผู้มีพระภาคไม่ทรงแสดงธรรม ผู้ใดจะบรรลุธรรมก็ไม่มีใครสามารถจะบรรลุธรรมได้
~ พระผู้มีพระภาคจึงเรียกภิกษุผู้มีอกุศลธรรมอันลามกที่ครอบงำภิกษุนั้นว่า มีอาจารย์ เป็นผู้ที่คอยให้ทำอย่างนั้นคอยให้ ทำอย่างนี้ เชื่ออกุศลทุกอย่างที่มีอยู่ในใจ ถ้ามีโลภะๆ จะให้ทำอะไรๆ ก็ทำ มีอกุศลของตัวเอง มีโลภะที่มีอยู่ในใจ เป็นอาจารย์คอยให้ทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ครอบงำบังคับบัญชาให้แสวงหา ให้ทำสิ่งต่างๆ เพราะฉะนั้น ก็ให้ทราบจริงๆ ว่าผู้ที่ยังมีกิเลสนั้น เป็นผู้ที่มีลูกศิษย์มีอันเตวาสิก และก็เป็นผู้ที่มีอาจารย์ เพราะเหตุว่ากิเลสนั้นมีกำลังก็ทำให้ครอบงำจิตใจให้ประพฤติเป็นไปตามที่อาจารย์ คือกิเลสสั่ง
~ มีใครกราบไหว้คนชั่วบ้าง?
~ ในการฟังพระธรรม มีฉันทะ (ความพอใจ) พอที่จะฟังไหม?
~ จะเบียดเบียนประทุษร้ายกันทำไม เพราะในที่สุดทุกคนก็จะต้องตาย ละจากโลกนี้ไปด้วยกันทั้งนั้น
~ เข้าใจธรรม จากเรื่องที่ได้ยินได้ฟัง ฟังทุกคำ ไตร่ตรองทุกคำ ไม่เผิน
~ สิ่งที่มีจริงในขณะนี้ เกิดเองไม่ได้
~ ลักษณะของอวิชชา คือ มีความไม่รู้ คือ ความมืด เป็นลักษณะ เมื่อไม่รู้ก็ต้องมืด เพราะว่าไม่สามารถที่จะเห็นสภาพธรรมตามความเป็นจริง
~ ถ้าเป็นผู้ที่ฉลาด ไม่ต้องรอให้คนอื่นรังเกียจ แต่ก็สามารถพิจารณาเห็นอกุศลธรรมที่น่ารังเกียจของตน เพื่อละสิ่งที่น่ารังเกียจนั้น
~ คนไหนโกรธ คนนั้นเป็นทุกข์ เพราะฉะนั้น คนที่ไม่โกรธ ไม่มีคนอื่นจะทำให้เดือดร้อนได้เลย.
ขอเชิญผู้ศึกษาพระธรรมร่วมกัน (สหายธรรม) ร่วมแบ่งปันธรรมด้วยครับ
ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๓๖
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ
คนไหนโกรธ คนนั้นเป็นทุกข์ เพราะฉะนั้น คนที่ไม่โกรธ ไม่มีคนอื่นจะทำให้เดือดร้อนได้เลย. กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณและอนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของ อ.คำปั่น ด้วยค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
~ ถ้าเป็นผู้ที่ฉลาด ไม่ต้องรอให้คนอื่นรังเกียจ แต่ก็สามารถพิจารณาเห็นอกุศลธรรมที่น่ารังเกียจของตน เพื่อละสิ่งที่น่ารังเกียจนั้น
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ